
กฟผ.เตรียมศึกษาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR หนุนลดต้นทุนค่าไฟ กำลังผลิตต่ำกว่า 300 MW เน้นใช้ยูเรเนียมเป็นเชื้อเพลิงหลัก ราคาถูกไม่ผูกขาด
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ค่าไฟประเทศไทยถูกผูกกับเชื้อเพลิงและสัดส่วนของเชื้อเพลิงผูกกับราคาของก๊าซธรรมชาติเป็นหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้า คิดเป็นสัดส่วน 62.45% ของเชื้อเพลิงทั้งหมด
โดยก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้ผลิตไฟฟ้าหลัก ๆ มาจาก 3 แหล่ง ราคาถูกที่สุด คือ ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย รองลงมาเป็นก๊าซธรรมชาติจากเมียนมา และ LNG ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ไทยจึงควรมีเชื้อเพลิงที่มีความหลากหลายมากขึ้น
ดังนั้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีความน่าสนใจในการช่วยลดราคาค่าไฟและสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ เนื่องจากโรงไฟฟ้า SMR สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่แข่งขันได้
เพราะแร่ยูเรเนียมเป็นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ที่ประมาณ 1 กิโลกรัมเท่านั้น ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ประมาณ 50,000-100,000 เท่า เพื่อผลิตไฟฟ้าในปริมาณที่เท่ากัน นอกจากนี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่อาจมีรัศมีถึง 16 กิโลเมตร ขณะที่โรงไฟฟ้า SMR มีรัศมีน้อยกว่า 1 กิโลเมตรเท่านั้น
ดังนั้น พลังงานนิวเคลียร์มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของพลังงานสะอาดที่จะนำมาใช้ช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน และไม่มีการผูกขาดเหมือนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจึงไม่มีความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ ประเทศไทยอยู่ในสถานะรอความชัดเจน จากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ 2024 (Power Development Plan : PDP) โดย กฟผ. ได้ศึกษาความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีนิวเคลียร์และพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มานานกว่า 17 ปี และติดตามเทคโนโลยี SMR จากหลายประเทศทั่วโลก เช่น อเมริกา รัสเซีย เกาหลีใต้ และจีน เพื่อศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับประเทศไทย
ส่วนการบริหารสภาพคล่องกฟผ. ดูแลเรื่องค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) มาตั้งแต่ช่วงแรกๆ แบกภาระในเรื่อง ค่าFt อยู่ประมาณ 150,000 ล้านบาท หลังจากนั้น ทยอยได้รับค่า Ft กลับ ปัจจุบันนี้เหลืออยู่ประมาณ 80,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กฟผพยายามบริหารสภาพคล่องไว้และช่วยดูแลค่าไฟไม่ให้แพงจนเกินไป” นายเทพรัตน์ กล่าว