
ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังแนวโน้มอุปทานน้ำมันดิบสหรัฐตึงตัว เนื่องจากพายุเฮอริเคนที่กำลังเคลื่อนตัวสู่อ่าวแม็กซิโก
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับเพิ่ม หลังอุปทานน้ำมันดิบจากสหรัฐมีแนวโน้มลดลงกว่า 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากกำลังการผลิตในประเทศที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคน ซึ่งทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และกำลังเคลื่อนตัวสู่บริเวณอ่าวเม็กซิโกในสัปดาห์นี้ ขณะที่กลุ่ม OPEC+ ขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตกว่า 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไปจนถึงสิ้นปี 2567 ส่งผลให้ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว
ตลาดจับตาการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) โดยมีความคาดหวังว่าจะมีการดำเนินการเพิ่มเติมสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าทางการจีนจะยังไม่มีสัญญาณแน่ชัดจนกว่าจะมีการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลอย่างเป็นทางการภายในช่วงสัปดาห์หน้า
หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 พ.ย. 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3.132 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานในภูมิภาคที่ตึงตัว ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐปรับลดลงกว่า 0.982 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคายังคงได้รับแรงกดดันหลังตัวเลขการใช้น้ำมันเบนซินของไต้หวันในเดือน ก.ย. 67 ปรับลดลงกว่า 4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่น
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขการใช้น้ำมันดีเซลของไต้หวันในเดือน ก.ย. 67 ปรับลดลงกว่า 9.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่น อย่างไรก็ดี ราคายังได้รับแรงหนุนจากโควตาการส่งออกน้ำมันดีเซลของจีนที่มีแนวโน้มลดลงในช่วงสิ้นปี