
หอการค้าไทย เผยผลสำรวจวันลอยกระทง ปี 2567 คึกคัก คาดจะมีเงินสะพัด 10,355.18 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 9 ปี
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เทศกาลวันลอยกระทงของไทยในปี 2567 นี้ คาดว่าจะคึกคักและจะมีเงินสะพัด 10,355.18 ล้านบาท ขยายตัว 3.5% สูงสุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังให้ความกังวลในเรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น
และมองว่ามูลค่าการใช้จ่ายต่อหัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะปัจจัยเงินเฟ้อ ของแพงขึ้น ประชาชนก็ใช้จ่ายไปตามนั้น สะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น หลังจากมีอาการซึมตัวหลังโควิดระบาด
นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจ พฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงวันลอยกระทงปี 2567 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,250 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่ 50.7% ยังคงวางแผนไปลอยกระทงและทำกิจกรรมอื่นร่วมด้วย (ทานอาหารนอกบ้าน เที่ยวชมสถานที่จัดงาน ไปซื้อของหรือทำบุญ) โดยให้เหตุผลว่าเพื่อไปขอพรมากที่สุด รองลงมาคือ เป็นประเพณี ผ่อนคลายความเครียด และพาลูกหรือครอบครัวไปเที่ยว
ส่วนกลุ่มไม่ลอยและอยู่บ้านอยู่ที่ 26.6% เนื่องจากมีหนี้มาก ต้องการพักผ่อน ไม่ชอบคนเยอะ ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และรายได้ไม่แน่นอน โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 2,449.18 บาทต่อคน มากกว่าปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 2,075.58 บาทต่อคน คิดเป็นมูลค่าใช่จ่ายเฉลี่ยรวม 10,355.18 ล้านบาท ขยายตัว 3.5% มากกว่าปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 10,005 ล้านบาท ขยายตัว 3.3%
ส่วนปัจจัยในการเลือกซื้อกระทงส่วนใหญ่ตอบว่า ย่อยสลายง่าย มาเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ หาซื้อง่าย สวยงาม และราคาถูก แสดงถึงมุมมองการเลือกกระทงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการลดจำนวนกระทง 1 ครอบครัว 1 กระทงด้วย
พร้อมมองว่าบรรยากาศลอยกระทงเทียบปี 2566 คึกคักมากกว่า 20.9% เพราะเป็นช่วงเทศกาล 40.4% มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 20.8% มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น 15.% มีสถานที่จัดงานเยอะ 14.4% คึกคักเหมือนเดิม 61.3% คึกคักน้อยกว่า 12.5% เพราะค่าครองชีพ 51.3% และไม่มีเงินไปเที่ยว 37.4% เงียบเหงา 5.3% โดยเฉพาะภาคใต้ มองว่าคึกคักมากที่สุด ตามด้วยภาคเหนือ ภาคกลางรวม กทม.ปริมณฑล และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามลำดับ