IRPC Q3/67 ขาดทุน 4,880 ลบ. รายได้ลด – แบกสต๊อก 5 พันล้าน

IRPC เปิดผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีรายได้จากการขาย 69,964 ล้านบาท ลดลง 4,102 ล้านบาท 9 เดือนแรกปี 67 ขาดทุน 4.07 พันล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 เปรียบเทียบกับไตรมาส 3/2566 มีรายได้จากการขายสุทธิ 69,964 ล้านบาท ลดลง 7,300 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 4,879.96 ล้านบาทพลิกจากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 2,438.60 ล้านบาทหรือ 0.12 บาทต่อหุ้น โดยมีสาเหตุหลักจากราคาขายเฉลี่ยลดลงร้อยละ 11

ขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 สำหรับธุรกิจปิโตรเลียมมี Market GRM ที่ลดลง โดยหลักลดลงจากกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง ตามการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีมี Market PTF ที่เพิ่มขึ้น จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์สำหรับธุรกิจปีโตรเคมี มี มี Market PTF ที่เพิ่มขึ้น

จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PP และส่วนต่างราคาในกลุ่มสไตรีนิกส์ ในขณะที่ กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคมีกำไรขั้นต้นคงที่ ส่งผลให้บริษัทฯ มี Market GIM ลดลงร้อยละ 32

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีการบันทึกขาดทุนสต๊อกสุทธิ (Net Inventory Loss ) 5,000 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 8,566 ล้านบาทจากไตรมาสที่ 3/2566 ทำให้บริษัท บันทึกขาดทุน Accounting GIM อยู่ที่ 1,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115%ขาดทุน EBITDA จำนวน 4,843 ล้านบาทขาดทุนเพิ่มขึ้น 182%

ไตรมาส3/67 บริษัทฯ บันทึก Net Inventory Loss 5,000 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 8,566 ล้านบาท จากไตรมาส 3/25666 ทำให้บริษัทฯ บันทึกขาดทุน Account นอกจากนี้ บริษัทฯ บันทึกค่าเสื่อมราคา 2,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากสินทรัพย์ที่เพิ่มจากโครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) อยู่ที่ 1,350 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 115 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2566 ส่งผลให้ไตรมาสนี้ มีผลขาดทุน EBITDA จำนวน 4,843 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นร้อย

Advertisment

ขณะที่งวด 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ จำนวน 218,674 ล้านบาท ลดลง 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายลดลง 5% ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3% สำหรับธุรกิจปิโตรเลียมมี Market GRM ที่ลดลงโดยหลักมาจากกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะการลดลงของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ

อย่างไรก็ตามงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ บันทึกขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 1,228 ล้านบาท หรือ 0.64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และบันทึก NRV 382 ล้านบาท หรือ 0.20 เหรียญหรือ 0.20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่บันทึกกำไรจาก Realized Oil Hedging 298 ล้านบาท หรือ 0.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากรายการดังกล่าว ส่งผลให้มี Net Inventory Loss รวม 1,312 ล้านบาท หรือ 0.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

Advertisment

จึงส่งผลให้งวด 9 เดือนปี 2567 มี Accounting GIM จำนวน 11,421 ล้านบาท หรือ 6.00 เหรียญ หลังจากหักรายการค่าใช้จ่ายดำเนินงานแล้วบริษัทฯ มี EBITDA จำนวน 1,275 ล้านบาท ลดลง 84% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

บริษัทฯ บันทึกค่าเสื่อมราคา 6,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับมีต้นทุนทางการเงินสุทธิจำนวน 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามในงวด 9 เดือน ปี 2567 จากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ บันทึกกำไรจากการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน 401 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้ยืมจำนวน 27 ล้านบาท