“พิชัย” เร่งดีล FTA-EFTA รับทรัมป์คัมแบ็ก

โดนัลด์ ทรัมป์

พิชัย รมว.พาณิชย์ ไร้กังวลหลัง “ทรัมป์” ประกาศชัยชนะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐ มองผลบวกต่อประเทศ พร้อมเดินหน้าดึงการค้า-ลงทุนเข้าประเทศ มั่นใจส่งออกของไทยขยายตัวดีในปี 2568 มอบหมายทูตพาณิชย์ทั่วโลก-พาณิชย์จังหวัด ประสานส่งออกสินค้าโดยตรง สร้างมูลค่ารายได้เข้าประเทศ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังประชุมติดตามนโยบายและขับเคลื่อนมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการติดตามผลการทำงาน ภายหลังจากมอบนโยบาย 10 ข้อ ผลักดันเศรษฐกิจไทย เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา

รวมทั้งมอบนโยบายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ทั่วโลกทั้ง 58 แห่ง พาณิชย์จังหวัด 72 จังหวัด ในการเดินหน้าผลักดันการค้าการส่งออกไทย ดึงการลงทุนจากต่างประเทศ ภายหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ การเดินหน้านโยบายของกระทรวงพาณิชย์ยังคงเน้นดำเนินการให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ทั้งด้านการค้า การกระตุ้นเศรษฐกิจ และพร้อมเตรียมแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก โดยเฉพาะภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจะมีผลกระทบทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย และการกลับมาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐนั้น

พิชัย นริพทะพันธุ์
พิชัย นริพทะพันธุ์

ยังมองว่าเป็นผลดีต่อประเทศไทย ซึ่งไทยเองจำเป็นต้องวางตำแหน่งให้มีความเหมาะสม พร้อมที่จะสานสัมพันธ์กับทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น รวมถึงทุกประเทศทั่วโลก

นอกจากนี้ พร้อมที่จะเดินหน้าดึงการลงทุนจากต่างประเทศให้มากขึ้น โดยการเดินหน้าเร่งรัดเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศใหม่ ๆ และเร่งสรุปผลการเจรจาที่ยังคั่งค้างโดยเร็ว เพื่อที่จะช่วยดึงดูดการลงทุน นอกเหนือจากประโยชน์ด้านการส่งออก-นำเข้าที่ต้องผลักดันการค้าอยู่แล้ว และการเจรจา FTA ที่ใกล้ปิดดีล เช่น ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) มีสมาชิก 4 ประเทศคือ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์

Advertisment

ล่าสุดเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย ปลัดกระทรวงกิจการเศรษฐกิจของสมาพันธรัฐสวิส และผู้แทน EFTA ได้มาหารือเพื่อเร่งรัดให้เสร็จตามเป้าหมายปี 2567

“FTA ไทย-EFTA ส่วนใหญ่เจรจาประเด็นต่าง ๆ จบแล้ว เหลือที่ต้องปรับรายละเอียดอีกเล็กน้อย หากสำเร็จในปีนี้ ไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ทำ FTA กับ EFTA และทั้ง 2 ฝ่ายตั้งเป้าหมายที่จะลงนามร่วมกันในช่วงการประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ในปลายเดือนมกราคม 2568 ซึ่งจะมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมด้วย และน่าจะมีโอกาสพบกับผู้นำของทั้ง 4 ประเทศสมาชิก”

Advertisment

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ตนอยากเห็นการเข้ามาลงทุนจากต่างประเทศให้มากขึ้น ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส แม้จะมีความขัดแย้งอะไรก็ตาม ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องสร้างโอกาส จะเห็นการลงทุนจากสหรัฐเข้ามามากขึ้น บริษัทขนาดใหญ่มาขยายการลงทุนด้านฮาร์ดดิสก์ อาทิ ซีเกท Western Digital และมีเรื่อง Food Security Data Center

และการเข้ามาในอุตสาหกรรมแผ่นวงจรพิมพ์ หรือ PCB (Printed Circuit Board) ที่นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามา ซึ่งเชื่อว่าประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ เห็นได้จากตัวเลขของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ที่ต่างชาติจะมาลงทุนที่สูงสุดในรอบ 10 ปี

ทั้งนี้ สะท้อนได้จากปัจจุบันอุตสาหกรรมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) สร้างลงทุนในไทยประมาณ 150,000 ล้านบาท และยังมี Data Center เกิดการลงทุนอีก 160,000 ล้านบาท ไม่นับรวมของ Google ที่จะเข้ามาลงทุน 36,000 ล้านบาท และ Data Center จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) อีก 32,000 ล้านบาท รวมถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ จากหลายประเทศที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่องอีก ล้วนจะเกิดผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดการเติบโต

“ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งทำงานมาได้ 2 เดือน ผมลุยงานทั้งภายในและต่างประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะงานด้านต่างประเทศ จากนี้จะทำให้มากขึ้น และงานภายในประเทศก็พร้อมจะดูแลปากท้องประชาชน ดูแลค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของกระทรวงพาณิชย์ ต้องเพิ่มรายได้ประชาชน และแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างยิ่ง เพราะผมเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่าเรื่องต่างประเทศ”

ทั้งนี้ จากที่ประเทศไทยขาดโอกาสดึงการค้า-การลงทุนมาเป็น 10 ปี ที่ผ่านมาการลงทุนที่จะเข้าไทยไปเวียดนามหมด แต่ตอนนี้ประเทศไทยมีความพร้อมมาก เพราะสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีพลังงานได้ทำไว้เยอะ โดยการรองรับการลงทุนเทคโนโลยีใหม่ได้ และเชื่อว่าผลจากการลงทุนเพื่อการรองรับเข้ามาของต่างประเทศ หากการเดินหน้าโครงการต่าง ๆ เช่น โรงงานซึ่งต้องเร่งให้สร้างเสร็จเร็ว ๆ จะได้มีโอกาสเห็นการส่งออกไทยโตเกิน 4-5%

หากทุกอย่างเดินหน้าไปได้ตามเป้าหมาย ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเกิน 4-5% ตามตัวเลขการส่งออก ดังนั้น เพื่อให้ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ประเทศไทยก็ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้ามาของทุกประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนในไทย และต้องสร้างประโยชน์ให้เห็นว่าเข้ามาแล้วจะได้รับประโยชน์กลับไปแน่นอน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็ทํางานหนักขึ้น เพื่อสร้างโอกาสการทำรายได้ให้ประเทศต่อไป