ราคาน้ำมันดิบปรับลดกว่า 2% หลังนักลงทุนผิดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ที่ยังไม่เข้มข้นเพียงพอ
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลงกว่า 2% หลังนักลงทุนผิดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน และกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดของจีนหลังตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับลดลงอยู่ในแดนลบที่ระดับ -2.9% สะท้อนภาวะเงินฝืดรุนแรงขึ้น แม้ว่าจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเวลา 5 ปี ในวงเงิน 10 ล้านล้านหยวน (1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ตาม
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 11 พ.ย. 2567 อยู่ที่ 68.04 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -2.34 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 71.83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -2.04 เหรียญสหรัฐ
Bank of America คาดการณ์ว่าอุปทานจากประเทศนอกเหนือกลุ่มโอเปกจะปรับเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2568 และเพิ่มขึ้น 0.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2569 สะท้อนแนวโน้มว่าระดับน้ำมันคงคลังจะขยายตัวแม้ว่าจะไม่มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากกลุ่ม OPEC+ ก็ตาม
ดัชนีสกุลเงินสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 105.5 ซึ่งสูงกว่าระดับสูงสุดของสัปดาห์ที่แล้วเล็กน้อย สะท้อนการแข็งตัวของสกุลเงินสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลกดดันความต้องการใช้น้ำมันดิบ เนื่องจากทำให้ราคาน้ำมันดิบแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกน้ำมันเบนซินของจีนในเดือน พ.ย. 67 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.9 ล้านตันซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เพียง 0.8 ล้านตัน อีกทั้งตลาดยังผิดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่ยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามคาด
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังยุโรป (ARA) ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 พ.ย. 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.6% สู่ระดับ 2.04 ล้านตัน ประกอบกับการส่งออกน้ำมันดีเซลจากอินเดียมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น