PTG โชว์กำไรไตรมาส 3/67 มีกำไร 74 ล้านบาท โต 211.3% รับรายได้ธุรกิจ Oil-Nonoil-กาแฟพันธุ์ไทยขยายต่อเนื่อง 1,126 สาขา หนุน 9 เดือนมีกำไร 806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% คงเป้ารายได้ปี’67 โต 10-15% พร้อมปันผลระหว่างกาล 0.10 บ./หุ้น ขึ้น XD 26 พ.ย. 67
นายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 และงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/67 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 211.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีของปี 2566 ที่มีกำไร 24 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 3/67 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จํานวน 54,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% แต่ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า และไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งรายได้จากการขายและการให้บริการหลักยังคงมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้อยู่ที่ 50,084 ล้านบาท เติบโต 13.6% อันเป็นผลมาจากปริมาณการจําหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางที่เติบโตบรรลุเป้าที่ทางบริษัท วางไว้ในระดับ 10-15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ธุรกิจ Nonoil มีรายได้ 4,311 ล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยสําคัญที่ 25.2% โดยมีปัจจัยมาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย โดยกาแฟพันธุ์ไทย มีรายได้เพิ่มขึ้น 77.6% จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในสิ้นไตรมาส 3/67 บริษัทมีจํานวนสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งสิ้น 1,126 สาขา เพิ่มขึ้น 48.9% YOY และ 9.5% QOQ ประกอบกับมีการกลับมาใช้บริการซ้ำของลูกค้ำรายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus
สำหรับงวด 9 เดือนปี’67 มีกำไร 806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% เทียบช่วงเดียวกันปี’66 ที่มีกำไร 424 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายและการให้บริการ ใน 9 เดือนมีจํานวน 167,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.0% การเติบโตของรายได้ดังกล่าว มีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้เติบโตที่ 11.0% เป็น 154,640 ล้านบาท และมีสัดส่วนรายได้ที่ 92.5% ของรายได้รวม ตามด้วยธุรกิจ Nonoil ที่มีรายได้จํานวน 12,492 ล้านบาท เติบโต 25.8% และมีสัดส่วนรายได้เป็น 7.5%
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/67 บริษัท โกลัค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 1,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 1,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท เป็น 30,000,000 บาท ในบริษัท โกซับเวย์ จำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นผ่านบริษัท โกลัค จำกัด เพื่อขยายธุรกิจร้านอาหาร Subway นอกจากนี้ บริษัท แมกซ์ มี คอร์ป จำกัด (“MMC”) (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น ในสัดส่วน 99.99%) ได้ร่วมจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ บริษัท แมกซ์ อัลฟาเบท จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียน 20,000,000 บาท เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการด้านระบบการบริหารจัดการผ่านซอฟต์แวร์, ฮาร์ดแวร์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัทยังคงขยายพอร์ตการเติบโตในธุรกิจ Nonoil อย่างต่อเนื่อง
โดยปัจจุบัน นอกจากขยายสาขาในธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยแล้ว บริษัทขับเคลื่อนการเติบโตด้วยการขยายธุรกิจด้วยกันอีก 2 แบรนด์ ได้แก่ สถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT และศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs
สำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย ปัจจุบันได้ขยายสาขามากกว่า 1,126 สาขาทั่วประเทศ บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ “ไทยริกาโน” ซึ่งเป็น Specialty Coffee ที่ใช้เมล็ดกาแฟอราบิก้า 100% จากแหล่งปลูกคุณภาพในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการเติบโตกลุ่มธุรกิจ Nonoil
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงแนวโน้มการเติบโตของปริมาณการจําหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางปี’67 ที่ 10-15% เพิ่มขึ้นจาก 8-12% ที่ตั้งไว้ในช่วงต้นปี ส่วนธุรกิจ Nonoil ยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่สร้างการเติบโตได้อย่างมีนัยสําคัญ และยังคงวางเป้าการเติบโต 40-50%
ทั้งนี้ คณะกรรมการมีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสด งวด 9 เดือน เป็นเงินสดจำนวน 0.10 บาท/หุ้น วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 26 พ.ย. 67 วันที่จ่ายปันผล 12 ธ.ค. 67