
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตลาดกังวลอุปสงค์จีนอ่อนแอ รวมถึงเฟดอาจลดดอกเบี้ยช้ากว่าที่คาด
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับลดลงกว่า 2% หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานปริมาณการกลั่นน้ำมันของจีนในเดือน ต.ค. 67 ปรับลดลง 4.6% จากปีที่แล้ว โดยเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ขณะเดียวกัน การเติบโตของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนยังคงชะลอตัว ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังคงอ่อนแอ
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 15 พ.ย. 2567 อยู่ที่ 67.02 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.68 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 71.04 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.52 เหรียญสหรัฐ
สหรัฐรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกปรับเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ต.ค. 67 ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สะท้อนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนปรับลดความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในรอบการประชุมเดือน ธ.ค. 67
Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 15 พ.ย. ปรับลดลง 1 แท่น อยู่ที่ระดับ 478 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 19 ก.ค. 67 ในขณะที่จำนวนแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับลดลง 1 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 101 แท่น
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากการที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย และออสเตรเลียนำเข้าน้ำมันเบนซินจากสิงคโปร์เพิ่มขึ้น โดยสิงคโปร์รายงานตัวเลขส่งออกน้ำมันเบนซินล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น 4 เท่า อยู่ที่ระดับ 0.61 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ราคาได้รับแรงกดดันจากการที่ไนจีเรียประกาศจะจัดหาน้ำมันเบนซินจากโรงกลั่นภายในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดการณ์ว่าภาวะอุปทานตึงตัวจะผ่อนคลายลงจากการที่ผู้ผลิตในอินเดียและตะวันออกกลางมีแผนส่งออกน้ำมันดีเซลเข้ามายังภูมิภาคเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ราคาได้รับแรงหนุนจากการที่จีนส่งออกน้ำมันดีเซลลดลงในช่วงที่ผ่านมา