เริ่มแล้ว ประชุมหอการค้าทั่วประเทศ ระดมความเห็น ดันจีดีพีไทยปี’68 โตไม่ต่ำ 3%

ประชุมหอการค้าทั่วประเทศ

สนั่น ประธานหอการค้าไทย เผยหอการค้าไทยจัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ระดมความเห็นด้านเศรษฐกิจ จัดทำสมุดปกขาว เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา และฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในปี 2568 เติบโตไม่ต่ำกว่า 3%

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยระหว่างการจัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ภายใต้ ธีม “CONNECT FOR GROWTH: INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE : สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ว่าตั้งแต่ที่ผมได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 ในช่วงนั้น เราเผชิญวิกฤตโควิด-19 ต้องปิดประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำ หอการค้าฯ ชูนโยบาย 99 วันแรก ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ใช้แนวทาง Connect the Dots ทำงานร่วมกับรัฐบาลและภาคส่วนต่าง ๆ ทำให้คำว่า Mission Impossible กลายเป็น Possible ได้ในวันนี้

ทั้งนี้ การจัดสัมนาครั้งนี้ จะเป็นเวทีสำคัญในการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนจากทั่วทุกภูมิภาค เพื่อจัดทำ ข้อเสนอทางเศรษฐกิจ ของหอการค้าทั่วประเทศ เป็น “สมุดปกขาว“ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล

พร้อมกับประเด็นข้อเสนอสำคัญอีก 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และการวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน รวมทั้งข้อเสนอ 6 ประเด็นปลุกเศรษฐกิจไทยให้เติบโต เพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในการ ขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทยในปีหน้า 2568 ให้โตไม่ต่ำกว่า 3-3.5%

และปี 2567 นี้ คาดว่าจีดีพีไทยโต 2.6-2.8% พร้อมกับการเติบโตของสมาชิกหอการค้า โดยในปีนี้ มีมากถึง 160,000 รายและในปี 2568 เชื่อมั่นว่าจะทะลุ 200,000 รายแน่นอน

ADVERTISMENT

7 ข้อสถานการณ์ปัจจุบัน

สถานการณ์ปัจจุบัน ของทั้งโลกและไทย

1.สถานการณ์เศรษฐกิจและ Geopolitical ปัจจุบัน ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังจากการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ที่นายโดนัลด์ ทรัมส์ ได้รับชัยชนะ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ แม้เราจะเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่เรายังเชื่อว่าสงครามการค้าย่อมดีกว่าสงครามที่แท้จริง
โลกยังคงมีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจ

ADVERTISMENT

และเราเห็นแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคของเรา เป็นโอกาสที่ประเทศไทยควรใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มองว่านี้คือโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับไทย ซึ่งจะไม่ใช่ แค่ win-win แต่จะเป็น All win Situation มองว่า ประเทศไทยต้องวางตัวเป็นกลาง และควรต้องขยายการค้า Connect กับประเทศอินเดียทั้งในด้านการค้า การลงทุน เพราะเป็น Strategic Country ที่ เชื่อมภูมิภาค South East Asia กับ อินเดีย เชื่อมผลประโยชน์จากจีน และ USA ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็น Opportunity ของไทย

2.เรื่องสำคัญต่อมาคือ ปัญหาหนี้ ที่ประชาชนและ SMEs กำลังเผชิญอยู่ หัวใจสำคัญคือ การแก้หนี้-ใช้นโยบายการเงิน การคลัง ควบคู่กัน พร้อมกับการกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำซึ่งหอการค้าไทยได้เสนอแนวทางหลายประการ เช่น การพักและยืดการชำระหนี้ ทั้ง บ้าน รถ และ SMEs โดยเฉพาะไม่ยึดรถกระบะที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของประชาชน การลดดอกเบี้ย และการปลดล็อกการเข้าถึงสินเชื่อก็เป็นเรื่องจำเป็นในขณะนี้

3.สำหรับภาคการเกษตรและอาหาร ถือเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมีประชากรส่วนใหญ่พึ่งพาอุตสาหกรรมนี้ สิ่งสำคัญในภาคเกษตรและอาหารคือ ประเทศไทยต้องเร่งนำเทคโนโลยีขั้นสูงและ R&D โดยรัฐบาลสนับสนุนพันธุ์พืชที่ดี เพื่อเพิ่ม Productivity และเปลี่ยนจากการขายสินค้าเกษตร
สู่การแปรรูปเป็นอาหารที่มี value added ส่วนนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ YEC มีความพร้อม ที่จะเข้ามาช่วยแต่ละจังหวัดขับเคลื่อน ขณะเดียวกันหอการค้าฯ ตั้งทีมศึกษาตัวอย่าง Food Valley ของประเทศเนเธอร์แลนด์โดยวางแผนนำไปขยายผลในจังหวัดขอนแก่นเป็นแห่งแรก

นอกจากนั้น หอการค้าไทยให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง
ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นของภาคเกษตรเราได้เสนอแนวทางนี้ต่อรัฐบาลและได้เห็นผลสำเร็จในระดับหนึ่ง การนำนวัตกรรม เช่น ระบบ Smart Farm มาใช้จะช่วยยกระดับผลผลิตได้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน ดร.พจน์ รองประธาน คนที่ 1 ได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร รวบรวมข้อมูลสินค้าเกษตรที่ล้นตลาด ได้แก่ 1) พืชผัก ผลไม้ 2) ประมง และ 3) ปศุสัตว์

4.ในด้านการท่องเที่ยวและ Soft Power จากความทุ่มเทของท่านประธานกิตติมศักดิ์ คุณกลินท์ สารสิน และผมได้สานต่อด้วยแนวทาง Trade & Travel ประการสำคัญคือ ไทยมีศักยภาพที่จะผลักดันให้กลายเป็น Tourism Hub และ Wellness Hub สร้าง value added จากจุดแข็งของเรา ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศ
เราต้องใช้ประโยชน์จาก Soft Power ของประเทศไทย

เช่น เทศกาลลอยกระทง ปีใหม่ และสงกรานต์ ที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หรือแม้แต่ มวยไทย อาหารไทย นวดไทย ต่อยอดสู่ การระดับโลกให้ได้เน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับชุมชนและเศรษฐกิจในท้องถิ่น

นอกจากนี้ การเป็นเจ้าภาพงานใหญ่ เช่น ซีเกมส์ และพืชสวนโลกที่โคราชและอุดร จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคได้อย่างมาก

5.เรื่อง Digital transformation โดยเฉพาะการนำ Ai มาใช้ ในภาคธุรกิจ ซึ่งส่วนนี้ไทยยังมีคนที่เก่งด้านเทคโนโลยีไม่เพียงพอ วันนี้ต้องรัฐต้องเร่งปรับตัวให้เร็วที่สุด กระทรวง DE + กระทรวง อว. เชื่อมการทำงานกันอย่างเป็นรูปธรรม

6.ผมอยากพูดถึง โอกาสในการเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา (Education Hub) ส่วนนี้ประเทศไทยสามารถต่อยอดจากการเป็น Tourism Hub ได้ เพราะไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่จะช่วยให้เกิดการเดินทางมาพักอาศัยระยะยาวในประเทศไทย การดึงสถาบันการศึกษาชั้นนำมาอยู่ที่ประเทศไทย และสร้างโอกาสให้คนเก่งทำงานและถ่ายทอดความรู้ โดยเฉพาะด้านที่ประเทศไทยยังขาดความเชี่ยวชาญ

เช่นเดียวกับที่หอการค้าพยายามสร้าง UTCC และ Harbour Space ให้ผลิตคนรุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์โลกแห่งเทคโนโลยี AI สร้าง Start up ไทยให้เกิดมากขึ้นซึ่งเราต้องปรับปรุงกฎหมายเพื่อดึงดูดนักลงทุนและสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยระยะยาว ให้มีสิทธิ์ในการถือครองที่ดินหรืออำนวยความสะดวกในการต่อวีซ่า ก็จะเป็นประโยชน์ของประเทศไทยได้ในอนาคต

ขณะเดียวกันประเด็นเรื่องค่าแรง หากเราสามารถใช้ Pay by skills จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้แรงงานของเราเกิดความตื่นตัวและพัฒนาทักษะใหม่ ๆ

7.ครบรอบความสัมพันธ์ไทยจีน เมื่อกล่าวถึงจีนที่ความสัมพันธ์กับไทยมาอย่างยาวนาน และเนื่อง
ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2567 หอการค้าไทย + สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย + หอการค้าไทยจีนจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญู และ
ความจงรักภักดีของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่มีต่อพระมหากษัตริย์ไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

3 เรื่องเร่งด่วน

หอการค้าฯ ได้รับระดมความเห็นจากเครือข่ายเอกชนทั่วประเทศ โดยมี 3 เรื่องเร่งด่วน ที่ภาคเอกชนอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ และได้นำเสนอต่อท่านนายกรัฐมนตรี คุณแพทองธาร ชินวัตร ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

เรื่องที่ 1 การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศระยะสั้น

เร่งใช้งบประมาณปี 2568 ให้เป็นไปตามแผน กระตุ้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่ขอบคุณรัฐบาลแจกเงินสดกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน เฟส 2 กลุ่มมผู้สูงอายุ 60 ปี เสนอแจกเงินสด เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หอการค้าฯ เสนอเพิ่มโครงการคูณสอง ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ

และขอขอบคุณรัฐบาลที่ตอบรับข้อเสนอหอการค้าฯ และได้ประกาศมอบเป็นของขวัญให้ประชาชนในปลายปีนี้คือ มาตรการ Easy e-Receipt ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือและเยียวยาให้ต่อเนื่อง ทั้งการลดค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการและประชาชน การกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน ซึ่งกำลังจะมีงานในจังหวัดต่าง ๆ

“มาตรการทางภาษีสำหรับการลงทุนในเมืองนำร่อง เริ่มขับเคลื่อนโครงการยกระดับเมือง 10 จังหวัด จากการเดินหน้าของรัฐบาลท่านเศรษฐา และจะมีการสานต่อในรัฐบาลปัจจุบันระยะกลางและยาวความท้าทาย “เข้าสู่สังคมผู้สูงวัย” (วันนี้มีอยู่ 13 ล้านคน = 20%) อีก 20 ปีจะมีคนไทยเข้าสู่วัยสูงอายุเกือบล้านคน/ปี ต้องดึง Talent เก่ง ๆ ทั่วโลก มาทำงานและอยู่อาศัย ปรับกฎหมายให้เอื้อและดึงดูดคนเก่งเหล่านี้มาประเทศเรา

การเร่งดึงดูดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ต้องขอชื่นชมรัฐบาลโดยเฉพาะ BOI และ EEC ที่ทำให้ FDI ไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสำหรับ EEC หอการค้าฯ ได้ เสนอให้จังหวัดปราจีนบุรี ให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ EEC ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการลงทุนใน EEC ได้อีกมหาศาล”

เรื่องที่ 2 ต้องช่วยให้สินค้าไทยแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ

ประเทศไทยต้องเลือกการลงทุนที่มีคุณภาพ ที่มีการจ้างงานในประเทศ มีการใช้วัตถุดิบและ local content อยู่ในอุตสาหกรรมยุคใหม่ มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้คนไทย เราต้องส่งเสริมการลงทุนที่มีลักษณะข้างต้นไม่ใช่เอาการลงทุนทุกชนิดที่มาและให้การส่งเสริมทุกอย่างประเทศไทยต้องเลือกการนำเข้าที่มีคุณภาพ ทั้งสินค้าและบริการต่างประเทศที่มา ต้องดูแลการค้าให้เป็นธรรม ไม่เป็นตลาดที่ดัมพ์สินค้าไร้คุณภาพ หรือสินค้าที่ถูก subsidized ซึ่งจะทำลายตลาดระยะยาวของประเทศ เราต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่มาลงทุนในประเทศที่เสียภาษีให้ไทยและสร้างการจ้างงานในไทย

เรื่องที่ 3 การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคต

รักษาโมเมนตั้มในภาคธุรกิจที่ไทยยังแข่งขันได้ดี ด้าน Food, Tourism, Wellness การเป็น Logistics & Connectivity และ Education Hub การเร่งดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve ด้าน AI ดิจิทัล EV Car Green Energyการพัฒนาคนรองรับอนาคตและอุตสาหกรรมใหม่ : หอการค้าฯ สร้าง YEC 7,000 คน ขยายผล YPC ทั่วประเทศ 61 จังหวัด 76 รุ่น ได้ความร่วมมือจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดสร้างเครือข่ายคนรุ่นใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชน, โครงการ DOT Mentoring Program รุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จ เกิดอุทยานผู้นำของหอการค้า ซึ่งจะขยายผลโครงการรุ่นต่อไปในต้นปีหน้า

สำหรับข้อเสนอที่หอการค้าไทยยื่นให้รัฐบาลได้รับการตอบรับอย่างดีในหลายข้อเสนอ และผมเชื่อมั่นว่าการตอบรับแนวทางต่างๆนี้ จะมีส่วนช่วยเสริมให้ประเทศไทยหลุดจากการ middle income trap
กับดักประเทศรายได้ปานกลาง

หอการค้าฯ เชื่อมั่น GDP ไทยปีหน้า น่าจะเติบโตได้ตามที่หลายสำนักคาดไว้ไม่ต่ำกว่า 3 และ
ในอนาคตหากเรามีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยเฉพาะการแก้หนี้ และ กระจายรายได้อย่างทั่วถึง ส่งออกสินค้าที่โลกต้องการ ไม่ใช่ Thailand Kodak สร้างคนเก่งให้ทันทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคม และต่างประเทศมีโอกาสที่ GDP จะกลับมาเติบโตเต็มศักยภาพได้ถึง 5%