อนุทิน รับมอบสมุดปกขาว รับข้อเสนอเอกชนเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

อนุทิน ชาญวีรกูล
อนุทิน ชาญวีรกูล

สนั่น ส่งมอบสมุดปกขาว ต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนภาครัฐ เอกชนเสนอรัฐ ปลุกเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน เร่งเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน 3 ข้อ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวสรุปผลรายงานการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ภายใต้แนวคิด “CONNECT FOR GROWTH: INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE : สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” พร้อมส่งมอบสมุดปกขาวต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนภาครัฐในการรับมอบปี 2567 นี้ ว่า หอการค้าไทย ได้รวบรวมประเด็นและข้อเสนอแนะ จากงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ และจัดทำเป็น “สมุดปกขาว” โดยมุ่งหวังนำเสนอแนวทางในการนำพาประเทศไทยไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแนวทางสำคัญประกอบด้วย 2 แกนหลัก คือ

1) การเชื่อมโยง (Connect for Growth) เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจให้แข็งแกร่ง และ 2) การน านวัตกรรมมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศให้ตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว (Innovating for Sustainability)

ทั้งนี้ หอการค้าฯได้ตั้งเป้าหมายสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ โดยมุ่งหวังให้ GDP ไทยในปีหน้าสามารถเติบโตไม่น้อยกว่า 3% สำหรับประเด็นและข้อเสนอแนะที่หอการค้าฯ ได้นำเสนอในสมุดขาว เพื่อพิจารณาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย ข้อเสนอเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน 3 ข้อเสนอหลัก คือ

1. การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ โดยภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชนและต้นทุนของผู้ประกอบการ การควบคุมราคาสินค้าพื้นฐานและบริการที่จำเป็น การตรึงราคาค่าไฟฟ้า – น้ำมันดีเซล การผลักดันให้มีการจัดตั้ง กรอ.พลังงาน การปรับขึ้นค่าแรง ขั้นต่ำให้เป็นไปตามกลไกคณะกรรมการไตรภาคี การกระจายงบประมาณไปยังภูมิภาคอย่างทั่วถึง และการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการคูณสอง เพื่อเพิ่มกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ยังขอให้รัฐบาลสานต่อการขับเคลื่อนการยกระดับเมือง 10 จังหวัดนำร่อง ที่ได้ด าเนินไปก่อนหน้านี้

2. การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs แก้ไขปัญหาหนี้ ที่ประชาชนและ SMEs กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งหัวใจส าคัญของการแก้หนี้ คือ รัฐบาลจ าเป็นต้องใช้นโยบายการเงิน การคลัง ควบคู่กัน พร้อมกับการกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามที่หอการค้าไทยได้เสนอแนวทางหลายประการ เช่น การพักและยืดการชำระหนี้ ทั้ง บ้าน รถ และ SMEs โดยเฉพาะไม่ยึดรถกระบะที่เป็นเครื่องมือท ามาหากินของประชาชน การลดดอกเบี้ย และการปลดล็อกการเข้าถึงสินเชื่อก็เป็นเรื่องจำเป็นในขณะนี้

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันกับสินค้าน าเข้าจากต่างประเทศได้ โดยดูแลการค้าให้เป็นธรรม ไม่เป็นตลาดที่ดัมพ์สินค้าไร้คุณภาพ ซึ่งจะทำลายตลาดระยะยาวของประเทศ อีกทั้ง ไทยต้องเลือกการลงทุนที่มีคุณภาพ ที่มีการจ้างงานในประเทศ มีการใช้ local content ในท้องถิ่นให้มากที่สุด

3. การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) การเร่งดึงดูดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หอการค้าฯ ได้ เสนอให้จังหวัดปราจีนบุรี ให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ EEC ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการลงทุนใน EEC ได้อีกมหาศาล 2) การรักษาโมเมนตั้มภาคธุรกิจที่ไทยยังแข่งขันได้ ทั้งในด้าน Food, Tourism, Wellness และโอกาสการเป็นศูนย์กลางด้าน Logistics &Connectivity และ Education Hub 3) การเร่งดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve ด้าน AI, Digital,EV Car และ Green Energy 4) การเจรจากับเพื่อนบ้านเพื่อยกระดับจุดผ่านแดนทางการค้า 5) การบริหารจัดการน้ำไม่ให้เกิดท่วมและแล้งซ้ำซาก และ 6) การปรับปรุงนโยบายด้านแรงงานให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ยังมี 6 ประเด็น ปลุกเศรษฐกิจไทยใหเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่
ประเด็นที่ 1 การค้าและการลงทุน โอกาสและความท้าทาย
ประเด็นที่ 2 เกษตรและอาหาร : คลังอาหารของไทยและโลก
ประเด็นที่ 3 ท่องเที่ยวและบริการ : แหล่งรายได้ส าคัญของประเทศ
ประเด็นที่ 4 การพัฒนาเพื่อความยั่งยืนขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว
ประเด็นที่ 5 ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานยกระดับการแข่งขันของประเทศ
ประเด็นที่ 6 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค : สร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน

“ ในอนาคตหากมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยเฉพาะการแก้หนี้ และกระจายรายได้อย่างทั่วถึงก็มีโอกาสที่ GDP ไทย จะกลับมาเติบโตเต็มศักยภาพได้ถึง 5% ต่อปี”นายสนั่น กล่าวทิ้งท้าย

ในขณะที่นายอนุทินเปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยมีแนวคิดตั้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ ทุกวันนี้ไม่มีจังหวัดหลักหรือจังหวัดรอง กระทรวงมหาดไทยพยายามให้ทุกจังหวัดสามารถเลี้ยงตัวเองได้ มีสิ่งดึงดูดให้คนเข้าไปลงทุน ประกอบกิจการและท่องเที่ยว ให้จังหวัดมีศักยภาพในตัวเอง

รองผู้ว่าฯ จะได้มีการสัมผัสใกล้ชิด ทราบถึงความจำเป็นเร่งด่วน และดูแลด้านเศรษฐกิจ-ผู้ประกอบการให้เกิดความรวดเร็ว การทำธุรกิจไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรวดเร็ว ราบรื่น สะดวก เราก็มีแนวคิดที่จะให้มีรองผู้ว่าฯ ที่ดูแลด้านนี้โดยตรง ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ

เมื่อถามถึงการปรับค่าแรง 400บาท นายอนุทิน ขอย้ำว่า ต้องเคารพมติของคณะกรรมการไตรภาคี รัฐบาลมีนโยบายเรื่องค่าแรงก็จริง แต่รัฐบาลแทรกแซงไม่ได้ ไม่ได้มีทางให้เราแทรกแซง เพราะเราก็ต้องหารือกับไตรภาคี

“รัฐบาลต้องทำตามมติไตรภาคี รัฐไม่ได้ถืออำนาจในการกำหนดค่าแรงโดยตรง ไตรภาคีสรุปว่ายังไง แม้รัฐบาลจะเห็นว่ายังไงก็ต้องตามนั้นแหละครับ” นายอนุทินกล่าว