ซินเจนทา ตั้ง “เพาะดี กินดี” หนุนปลูกพืชแบบมีคุณภาพ-ราคาสูง

syngenta
วรรณภร วัฒนาเกษมสัตย์

ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่เกษตรกรกลับมีรายได้ต่ำด้วยปัจจัยในหลาย ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นสภาพดินฟ้าอากาศ ที่สร้างผลกระทบต่อพืชผักเสียหายมูลค่านับล้านบาทต่อปี นี่ยังไม่รวมถึงภัยจากศัตรูพืช ทำให้การเพาะปลูกในปัจจุบันมักพึ่งพาสารเคมีเพียงเพื่อให้ได้ผลผลิตที่สวยแต่กลับไร้คุณภาพทางชีวิต วันนี้ “ซินเจนทา” ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่กำลังเริ่มโครงการ “เพาะดี กินดี” ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 120 ไร่ ที่จะส่งผลทำให้เกิดผักปลอดภัยมีผลผลิตเพิ่มถึง 2 เท่าตัว

“เพาะดี กินดี” เจาะภาคเหนือ

นางสาววรรณภร วัฒนาเกษมสัตย์ ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนและบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ซินเจนทาร่วมมือกับพันธมิตร เช่น มูลนิธิรักษ์ไทย บริษัท คิวบ็อคซ์ พอยท์ จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น “ฟาร์มบุ๊ค” เทศบาลตำบลแม่แจ่ม และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ศึก จังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนเกษตรกรผ่านโครงการ “เพาะดี กินดี” เพื่อให้เกษตรกรไทยทำการเกษตรแบบปลอดภัยตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ คือ ผู้บริโภค โดยโครงการเป็นหนึ่งในภารกิจหลักด้านความยั่งยืนของซินเจนทา ที่มุ่งเน้นเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเรามุ่งหวังในการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรไทย ให้สามารถผลิตอาหารที่ดี มีคุณภาพ มีโภชนาการที่ดีและปลอดภัย ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค

นายดิเรก เครือจินลิ ผู้ประสานงานโครงการสิ่งแวดล้อมภาคเหนือ มูลนิธิรักษ์ไทย กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือ เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันยั่งยืนให้กับภาคการเกษตร โดยต้องเพิ่มมูลค่าของสินค้าทางการเกษตรและรายได้ให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะการส่งเสริมให้มีการปรับปรุงพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ การนำพืชที่ให้ผลตอบแทนสูงมาปลูกและมีตลาดรองรับการเพาะปลูก นอกจากนี้ การรวมตัวเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนยังช่วยให้เกษตรกรแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาทักษะการทำการเกษตร ซึ่งโครงการ “เพาะดี กินดี” เป็นตัวอย่างสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างทักษะการเพาะปลูกของเกษตรกร และยังช่วยให้สามารถจัดการผลผลิตได้ตรงตามความต้องการของตลาดอีกด้วย

เปิดศูนย์เซนทริโก

เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ซินเจนทา ประเทศไทย เปิดศูนย์เซนทริโก (CENTRIGO) ศูนย์กลางทางเกษตรกรรมแบบครบวงจรแห่งที่ 2 ที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรทางภาคเหนือได้เข้าถึงโซลูชั่น เทคโนโลยีทางการเกษตรที่หลากหลาย และวิธีทำการเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อให้เกษตรกรสามารถเป็นผู้ประกอบการที่เป็นผู้นำด้านการเกษตรสมัยใหม่ในประเทศไทย โดยศูนย์เซนทริโกจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำแก่เกษตรกร ทำการจัดหาปัจจัยการผลิต การป้องกันศัตรูพืช รวมไปถึงการใช้โดรน ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เปิดศูนย์เซนทริโกแห่งแรกที่ ตำบลหัวเรือ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี และมีเป้าหมายที่จะเปิดศูนย์เพิ่มอีก 5 แห่ง ภายในปี 2567

วางเป้า GAP เพิ่ม 90% ปี’68

สำหรับประเทศไทยมีมาตรฐาน GAP ในการควบคุมสินค้าทางการเกษตรให้มีคุณภาพ ซึ่งซินเจนทามีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านสังคม ชุมชนโดยเฉพาะมูลนิธิรักษ์ไทยที่คุ้นเคยและมีเครือข่ายเกษตรกรรายใหญ่และรายย่อยอยู่ในพื้นที่ เข้ามาบริหารจัดการสินค้าเกษตรตามมาตรฐาน GAP ประกอบกับ ฟาร์มบุ๊คมีการทำสัญญารับซื้อผลผลิตทางการเกษตรต่อรอบที่ชัดเจน โดยส่วนใหญ่รับซื้อในราคา 45-55 บาทต่อกิโลกรัม สูงกว่าท้องตลาดที่ราคา 20 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของโครงการฟาร์มบุ๊คได้เข้ามารับซื้อสินค้าเกษตรกว่า 1.6 ล้านบาท รับซื้อปริมาณ 400 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ มีเกษตรกรสามารถส่งผลผลิตได้สูงสุดถึง 3,000 กิโลกรัม โดยมีเป้าหมายที่จะให้เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ต้องได้ใบรับรองสินค้าเกษตรปลอดภัย (GAP) 90% สำหรับปี 2568

ปีหน้าขยายสู่อีสาน-กลาง

โครงการ “เพาะดี กินดี” มีเป้าหมายในการขยายโครงการไปยังพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง ภายในปี 2569 มีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตเพิ่มขึ้น 300% รวมถึงมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ราย ภายใน 3 ปี ปัจจุบันมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 516 ราย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 120 ไร่ ในอำเภอแม่แจ่ม และอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ และได้ขยายผลสู่จังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือ เช่น เชียงราย พะเยา น่าน และลำพูน

ADVERTISMENT

ใช้สารชีวพันธุ์แทนพาราควอต

นางสาววรรณภรกล่าวว่า กรณีที่ภาครัฐมีนโยบายให้ยกเลิกสารอารักขาพืช คือ สารพาราควอต ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือ ออกฤทธิ์ในการคุมฆ่าหญ้าทันที ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่เกษตรกรอย่างแพร่หลาย แน่นอนว่าการระงับใช้พาราควอตกระทบเกษตรกรโดยตรงและกระทบกับซินเจนทามากกว่า 20% ซึ่งบริษัทได้ปรับแผนธุรกิจพยายามใช้สารชีวพันธุ์ ซึ่งมีทั้งชนิดอินทรีย์และกึ่งอินทรีย์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร แม้ในเชิงดัชนีหรือตัวเลขจะไม่สามารถแทนที่พาราควอตแล้วเห็นผลได้ดีหรือทดแทนกันได้

ฟาร์มบุ๊คเชื่อมผลผลิตสู่ตลาด

นายธิติพันธ์ บุญมี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิว บ็อคซ์ พอยท์ กล่าวว่า “บริษัทได้ร่วมมือกับซินเจนทาในโครงการเพาะดี กินดี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยแพลตฟอร์มฟาร์มบุ๊คช่วยเชื่อมโยงผลผลิตจากเกษตรกรไปสู่ตลาดที่ต้องการผลผลิตที่มีมาตรฐาน GAP โดยตรง เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า ด้วยการประสานให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด ทำให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตและจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากราคาผลผลิตที่ผันผวน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ฟาร์มบุ๊คได้เข้ารับซื้อสินค้าทางการเกษตรจากเกษตรกรไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท”

ADVERTISMENT

เกษตรกรขอเพิ่มตลาด

นายปรีดา สมวถา ประธานกลุ่มวิสาหกิจผักปลอดภัยช่างเคิ่งบน อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การเข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้ตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงการจำหน่ายสู่ผู้บริโภค รู้จักวางแผนการเพาะปลูก การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และผลผลิตที่ได้เป็นไปตามมาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัย (GAP)

“ตอนนี้พื้นที่ที่ใช้ปลูกผักในโครงการมีประมาณ 3 ไร่ ปลูกผักสลัด 5 ชนิด มี กรีนโอ๊ก เรดโอ๊ก เรดคอรัล ฟิลเลย์ และเบบี้คอส หมุนเวียนกันไป โดยการปลูกขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดในช่วงนั้น ๆ” นายปรีดากล่าว