‘มูราตะ’ เตรียมผุดโรงงานผลิตประจุ MLCC ใช้ในสมาร์ทโฟน ดาต้าเซ็นเตอร์

'มูราตะ' เตรียมผุดโรงงานผลิตประจุ MLCC

“มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์” บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก ประกาศแผนลงทุนเพิ่ม เตรียมผุด 2 โรงงานผลิตตัวเก็บประจุ MLCC ใช้ในสมาร์ทโฟน ดาต้าเซ็นเตอร์ ยานยนต์ และดาวเทียม

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังการประชุมหารือกับทาง บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก และได้ดำเนินกิจการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ลำพูน ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และมีแผนขยายการลงทุน ในส่วนของโรงงานผลิตแห่งใหม่ เพื่อผลิตตัวเก็บประจุแบบเซรามิกหลายชั้น (Multilayer Ceramic Capacitors : MLCC)

ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ระดับเรือธงของมูราตะที่ใช้เพิ่มความเสถียรในอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ยานยนต์ และดาวเทียม ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกสูงถึง 40%

เมื่อโรงงานผลิตแห่งใหม่นี้แล้วเสร็จจะเสริมให้บริษัทมูราตะ มีฐานการผลิต MLCC ใน 4 ประเทศ คือ เมืองอู๋ซี ประเทศจีน, ประเทศสิงคโปร์, ประเทศไทย และอีก 2 แห่งในเมืองฟูกูอิ และอิซูโมะ ประเทศญี่ปุ่น โดยทางมูราตะมีการวางแผนขยายกำลังการผลิตปีละ 10% ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้ขยายกำลังการผลิตของ MLCC กว่า 3 เท่า เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเติบโตทั้งระยะกลางถึงระยะยาวในความต้องการชิ้นส่วน MLCC ที่เพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มความต้องการใช้งานของสมาร์ทโฟนที่ใช้เทคโนโลยี 5G และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ย่อส่วน อุปกรณ์ IOT

“มูราตะถือเป็นบริษัทญี่ปุ่นรายแรกที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่จังหวัดลำพูนเมื่อ 35 ปีที่แล้ว และมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องจนเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในพื้นที่ โดยมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ภาคเหนือคิดเป็น 40% ของมูลค่าการลงทุนในจังหวัดลำพูน สร้างการจ้างงานกว่า 4,000 ตำแหน่ง

โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูราตะเลือกมาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในภาคเหนือของไทย ได้แก่ ปัจจัยด้านแรงงาน ซึ่งในพื้นที่ภาคเหนือมีค่าแรงที่ถูกกว่าพื้นที่อุตสาหกรรมหลักของประเทศ รวมทั้งไม่มีปัญหาในการแย่งชิงแรงงาน และปัจจัยด้านการขนส่ง เนื่องจากชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีน้ำหนักเบา จึงมีต้นทุนการขนส่งต่ำ และใช้การขนส่งทางอากาศได้

ADVERTISMENT

ปัจจุบันนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ยังคงเป็นอันดับหนึ่งในการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของไทย มีบริษัทญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนสูงถึง 1,973 ราย คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 29% ของจำนวนนักลงทุน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนญี่ปุ่นเป็นพิเศษ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ อุตสาหกรรมเครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมพลาสติกและเคมีภัณฑ์ และอุตสาหกรรมอาหารและยาง”

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่ภาคเหนือที่ผ่านมาประสบกับสถานการณ์อุทกภัย และอาจทำให้ทางบริษัท มูราตะ เกิดความกังวลใจว่าอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมมาตรการป้องกันน้ำท่วม ซึ่งตั้งแต่เกิดปัญหาเมื่อปลายปี 2554 หลังจากนั้นไม่เคยเกิดสถานการณ์น้ำท่วมอีก จึงขอให้ทางบริษัทมูราตะ มั่นใจว่ากระทรวงจะดูเรื่องการป้องกันน้ำท่วมอย่างเต็มที่

ADVERTISMENT

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า มูราตะร่วมกับ กนอ. ในการเปลี่ยนแปลงสภาพในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ลำพูน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2568 และจะดำเนินการเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นเขตประกอบการเสรี และการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2570

ขณะเดียวกันทางบริษัท มูราตะ ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุน สร้างโรงงานขนาดใหญ่อีก 2 โรงงาน (พื้นที่รวม 120,000 ตร.ม.) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ลำพูน เพื่อผลิตตัวเก็บประจุเซรามิกแบบหลายชั้น (MLCC) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ โดยมีแผนจะเริ่มก่อสร้างในปี 2570

นอกจากนี้ยังคงมุ่งมั่นใช้พลังงานหมุนเวียน 100% (RE100) ในโรงงานให้ได้ภายในปี 2578 ซึ่งเร็วกว่าแผนปกติที่วางไว้ในปี 2593 ขณะที่เรื่องของการบริหารจัดการน้ำ บริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับการขยายกำลังการผลิตในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้น้ำเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2593