‘ไทยออยล์’ ยันโครงการพลังงานสะอาด CFP โปร่งใส หลังถูกผู้ถือหุ้นร้อง DSI-ก.ล.ต. ชี้เป็นโครงการขนาดใหญ่เพิ่มความสามารถการกลั่นน้ำมัน ระบุเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาและอนุมัติแล้ว
ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ระบุว่า นายชัชนัย ปานเพชร ผู้ถือหุ้นของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทว่าอาจมีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่นั้น บริษัทขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้
1.โครงการพลังงานสะอาด (“โครงการ”) เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านการกลั่นน้ำมันของบริษัท และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งการลงทุนในโครงการ บริษัทได้นำเสนอ ให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทพิจารณาและอนุมัติเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561 ซึ่งในคราวการนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งนั้น
บริษัทได้จัดให้มีความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งได้ให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลและประโยชน์ของโครงการ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีมติอนุมัติโครงการดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 99.91 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นของบริษัทที่เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนน
การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องทุกประการ และสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของผู้ถือหุ้นในกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีผลสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจของบริษัท และการลงทุนในโครงการ เป็นมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท ในปี 2561 โดยผ่านกระบวนการพิจารณาและได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น ตามรายละเอียดของโครงการที่นำเสนอในที่ประชุมของผู้ถือหุ้น
2.ความล่าช้าของโครงการ เกิดจากปัจจัยภายนอก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้โครงการ เกิดความล่าช้า และต้องเจรจาแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมกับผู้รับเหมาหลัก กล่าวคือ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ Unincorporated Joint Venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (เดิมชื่อ SamsungEngineering (Thailand) Co., Ltd.), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor) (เรียกรวมกันว่า “UJV-Samsung, Petrofac และ Saipem”) รวมถึงประเด็นที่ผู้รับเหมาช่วงบางรายได้ยุติการปฏิบัติงานเนื่องจาก UJV-Samsung, Petrofac และ Saipem ไม่ชำระเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับเหมาช่วง
อย่างไรก็ดี แม้จะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความล่าช้าดังกล่าว บริษัทได้ดำเนินการบริหารจัดการโครงการ อย่างดีที่สุด ทั้งในด้านการเจรจาสัญญา การควบคุมต้นทุน และการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการ จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการ จากรายงานประจำปีและสารสนเทศของบริษัท ที่เผยแพร่ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567
3.บริษัทขอให้ผู้ที่ได้รับข่าวสารใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข่าวสารที่ได้รับ และหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และความเสียหายต่อบริษัท บริษัทขอยืนยันในความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีบรรษัทภิบาล
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้น และสร้างความเชื่อมั่นในความถูกต้องและความเป็นธรรมของกระบวนการทางกฎหมาย