
ราคาน้ำมันดิบปรับลดหลังการหยุดยิงในตะวันออกกลางลดความกังวล ต่ออุปทานน้ำมันดิบ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบาย OPEC+
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับลด หลังตลาดคลายกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ เนื่องจากผลของการหยุดยิงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลต่อผลกระทบอุปทานน้ำมันดิบ แม้จะมีการละเมิดข้อตกลงบางส่วนจากการหยุดยิงจากทั้งสองฝ่ายก็ตาม
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 29 พ.ย. 2567 อยู่ที่ 68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -0.72 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 72.94 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -0.34 เหรียญสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาด OPEC+ เลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไปจากเดือน ม.ค. 68 อย่างน้อย 2-3 เดือน หลัง OPEC+ เลื่อนการประชุมที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 ม.ค. 68 ไปเป็นวันที่ 5 ม.ค. 68 เพื่อประเมินสถานการณ์ตลาดน้ำมันดิบในภาพรวม
Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 27 พ.ย. 67 ปรับลดลง 2 แท่นจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ระดับ 477 แท่น ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้น 1 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 100 แท่น
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจีนลดการส่งออกน้ำมันเบนซินจากนโยบายลด Tax Rebate การส่งออก ขณะที่สต๊อกน้ำมันเบนซินสิงคโปร์ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 27 พ.ย. 67 ปรับลดสู่ระดับ 13.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับลดอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสิงคโปร์ส่งออกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 27 พ.ย. 67 ลดลง 16.1% สู่ระดับ 0.39 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันดีเซลจีนคาดปรับเพิ่ม 0.51 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 67 หลังโรงกลั่นจีนกลับมาดำเนินการผลิตจากการปิดซ่อมบำรุง