ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มสูงขึ้น จากความไม่แน่นอนในภูมิภาคตะวันออกกลาง และการผ่อนคลายนโยบายการคลังครั้งใหญ่ของจีน
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มสูงขึ้นจากการที่กลุ่มกบฏซีเรียได้ประกาศว่าสามารถโค่นล้มอำนาจของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรียได้สำเร็จ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความไม่มั่นคงในพื้นที่ตะวันออกกลาง และอาจกระทบกับความสัมพันธ์อันดีกับประเทศผลิตน้ำมันขนาดใหญ่อย่างรัสเซียและอิหร่าน
โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 9 ธ.ค. 2567 อยู่ที่ 68.37 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.17 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 72.14 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.02 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือโปลิตบูโร ได้มีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน โดยจะขยายการใช้จ่ายภาครัฐให้มากขึ้น และมีมาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้มากขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจจากรัฐบาลจีนในการรับมือกับสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐที่ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนถึง 60%
บริษัทส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ สัญชาติซาอุฯ ได้ประกาศลดราคาสำหรับผู้ซื้อในเอเชียช่วงเดือน ม.ค. 68 เนื่องด้วยความต้องการนำเข้าน้ำมันดิบที่ชะลอตัวลดลงของจีน เนื่องจากมีการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจากกระทรวงการคลังของจีนและกรมสรรพากรได้ปรับลดอัตราการลดหย่อนภาษีการส่งออกน้ำมันเบนซินลงจากร้อยละ 13 เหลือเพียงร้อยละ 9 ส่งผลให้การส่งออกน้ำมันเบนซินจากจีนมีอัตราที่ลดลง โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงประมาณ 200,000 เมตริกตันในเดือน ธ.ค. 67
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่มีแนวโน้มตึงตัวขึ้น ประกอบกับสต๊อกน้ำมันดีเซลในภูมิภาคอัมสเตอร์ดัม-รอตเตอร์ดัม-แอนต์เวิร์ปปรับลดลง 5.7% แตะระดับ 2.13 ล้านเมตริกตันในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ธ.ค. 67