เมียนมายังไม่ยอมปล่อยลูกเรือไทย หวั่น “ลากยาว” ข้ามปี ถูกตั้งข้อหาหนัก

ร้องประธานวุฒิสภาช่วยประสาน หลังเมียนมายังไม่ปล่อยทั้งลูกเรือและเรือ ส.เจริญชัย 8 ได้แต่แจ้งกับ TBC ไทยอย่างเดียวว่า “ให้รอคำสั่งจากเนย์ปิดอว์”

ผู้สื่อข่าวรายงานหลังสมาคมประมงอวนล้อมจับ (ประเทศไทย) ได้ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยประสานและผลักดันรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการเจรจากับทางการเมียนมาขอให้ปล่อยตัวลูกเรือประมงทั้งหมดและเรือ ส.เจริญขัย 8 ที่ถูกเรือรบเมียนมาระดมยิงและลากไปยังเกาะย่านเชือก ฝั่งเมียนมา

โดยหนังสือฉบับดังกล่าวได้อ้างถึงความวิตกกังวลทุกข์ร้อนใจจากครอบครัวลูกเรือที่ถูกจับไป ที่ได้แต่รับข่าวสารจากราชการที่ว่าจะมีการปล่อยตัว แต่สุดท้ายลูกเรือทั้งหมดก็ยังถูกคุมขังอยู่ที่สถานีตำรวจเกาะสอง

อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มชาวประมงที่เดินทางมาติดตามข่าวสารที่ศาลากลาง จ.ระนอง เมื่อต้นสัปดาห์นี้ได้สอบถามไปยังคณะกรรมการชายแดนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) ฝ่ายไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้ทำหนังสือถึง TBC ฝ่ายเมียนมาที่จังหวัดเกาะสอง กล่าวหาการกระทำของเรือรบเมียนมามีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทยอย่างรุนแรงนั้น

ปรากฏจากการประชุมร่วม TBC เพื่อขอให้เมียนมาปล่อยตัวลูกเรือและเรือ ส.เจริญชัย 8 ทั้งหมดนั้น ได้รับแจ้งจาก TBC เมียนมาว่า ต้องรอคำสั่งจากเนย์ปิดอว์อย่างเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากรณีนี้เป็นเรื่องเกินกว่าการดำเนินการของคณะกรรมการชายแดนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) ไปแล้ว

จากการสอบถามไปยังสมาคมประมงอวนล้อมจับ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้ประสานงานเพื่อช่วยเหลือเรือ ส.เจริญชัย 8 ซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมฝั่งทะเลอันดามัน เชื่อว่าการปล่อยตัวลูกเรือและเรือ คงจะไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ โดยมีการยกกรณีเทียบเคียงเรือท่องเที่ยวถูกจับเข้าไปในน่านน้ำเมียนมา กว่าจะได้มีการประสานปล่อยตัวต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 เดือนขึ้นไป

ADVERTISMENT

มีรายงานข่าวจากผู้ติดตามสถานการณ์ที่เข้าไปเกาะสอง ล่าสุดยืนยันว่าลูกเรือไทย 4 คนยังคงถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำเกาะสอง ส่วนเรือ ส.เจริญชัย 8 ซึ่งทางการเมียนมาถือเป็น “เรือของกลาง” นั้น ขณะนี้ได้ถูกลากกลับไปยังเกาะย่านเชือก หรือเกาะซาเดทจี่แล้ว

“เข้าใจว่าเมียนมาต้องการที่จะดำเนินคดีกับเรือไทยและลูกเรือทั้งไทยและเมียนมาอย่างน้อย 3 ข้อหา ได้แก่ ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, ลักลอบทำการประมงและรุกล้ำน่านน้ำเมียนมา และข้อหาเกี่ยวกับความมั่นคงในกรณีลูกเรือชาวเมียนมา ตามที่โฆษกสภากลาโหมเมียนมาออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่าพบหลักฐานบนเรือที่โยงใยกับกลุ่มก่อการร้าย (กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา)”

ADVERTISMENT

ทั้งหมดถือเป็นข้อหาหนักเฉพาะกับลูกเรือไทย ที่เมียนมาอ้างว่าเข้าไปทำการประมงในน่านน้ำเมียนมา ขณะที่ฝ่ายไทยก็อ้างว่าทำการประมงอยู่ริมขอบพื้นที่ทับซ้อน (ห่างจากเกาะพยาม 12 ไมล์ทะเล) ที่ทั้งไทยและเมียนมาต่างอ้างสิทธิกันอยู่

แต่ที่สำคัญก็คือ การระดมยิงกองเรืออวนล้อมไทยจนทำให้มีลูกเรือไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น เป็นการกระทำรุนแรงที่เกินกว่าเหตุไปมาก

มีข้อสังเกตว่าระยะทางกึ่งกลางระหว่างเกาะพยาม (ไทย) ไปยังเกาะย่านเชือก (เมียนมา) ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกันอยู่นั้นอยู่ที่ประมาณ 9.7 ไมล์ทะเล

ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เอกอัครราชทูตไทยประจำเมียนมาได้เข้าพบ พล.อ.ตานฉ่วย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเมียนมา ถึงกระบวนการที่จะส่งกลับ และตนได้ส่งข้อความฝากไปกับเอกอัครราชทูตว่ามีความห่วงใยในตัวลูกเรือและอยากให้ปล่อยตัวเร็วที่สุด

โดยทราบว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 ฝ่ายจะมีการพบกันในวันที่ 19 ธ.ค. ขณะที่กระบวนการปล่อยตัวยังติดอยู่ที่ทางเมียนมา “คาดว่าหลังปีใหม่ทุกอย่างจะเรียบร้อยทั้งเอกสารและขั้นตอนการปล่อยตัว” น.ส.แพทองธารกล่าว