“วิทยากร” เปิดแผนงาน ปี 2568 ดูแลเกษตร-ปศุสัตว์ ปรับโฉมธงฟ้า

วิทยากร มณีเนตร

อธิบดีกรมการค้าภายใน คนใหม่ “วิทยากร” เปิดแผนงานดูแลสินค้าเกษตรในปี 2568 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทำได้ ทำไว ทำจริง” เล็งจัดตั้งมิส และมิสเตอร์ ดูแลสินค้าเกษตรเป็นรายตัว

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า สำหรับแผนการทำงานในปี 2568 พร้อมเดินหน้าในการดูแลเกษตรกร จัดตั้งมิส และมิสเตอร์ ดูแลสินค้าเกษตรเป็นรายตัว ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน ผลไม้ พืช 3 หัว และปศุสัตว์ จะต้องรู้ลึก รู้จริง รู้จักสินค้านั้น ๆ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เช่น ราคาเมล็ดพันธุ์ ราคาตลาด ตลาดในประเทศ ตลาดต่างประเทศ ต้นทุนการผลิต คู่แข่งเป็นยังไง เทรนด์ตลาดโลกเป็นยังไง สินค้านั้น ๆ ใช้ในอุตสาหกรรมอะไรบ้าง พูดได้ว่า ต้องรู้จักสินค้าตั้งแต่ต้นจนจบ เวลามีปัญหา จะได้บริหารจัดการและแก้ไขได้ถูก

การจัดงานธงฟ้า จะมีการปรับภาพลักษณ์ รีแบรนด์จากงานขายสินค้าราคาถูก เป็นงานของคนฉลาดเลือก ฉลาดซื้อ เพราะเดิมทีคนจะคิดว่างานธงฟ้า คือ งานขายสินค้าราคาประหยัด แต่จริง ๆ ภายในงานมีสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ที่กรมนำมาจำหน่ายมากมาย เช่น ไข่ไก่ เอาเบอร์ 2 เบอร์ 3 มาขาย ซึ่งถูกกว่า เบอร์ 0 เบอร์ 1 แต่ราคาถูกกว่า คุณค่าทางโภชนาการ มีครบ หรือน้ำมันคนจะรู้จักแต่แบรนด์ดัง ๆ จริง ๆ มีผู้ผลิตหลายรายที่ผลิตสินค้าได้คุณภาพดี

และจะปรับให้เป็นเวทีสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ เพราะที่ผ่านมา มีหลายรายแจ้งเกิดจากงานธงฟ้า จะทำให้มีมากขึ้น และยังได้โอนงบประมาณการจัดงานธงฟ้าไปให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อพิจารณาจัดงานธงฟ้าตามความเหมาะสมได้เลย ไม่ต้องรอส่วนกลาง แต่ถ้ามีความจำเป็นเร่งด่วน ก็สามารถของบเพิ่มเติมได้

เรื่องชั่งตวงวัด มีแผนที่จะพัฒนามาตรฐานของไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล โดยยึดมาตรฐานเยอรมัน เกาหลี และญี่ปุ่น เป็นต้นแบบ แล้วนำมาปรับมาตรฐานของไทย และผลักดันให้ประเทศเพื่อนบ้านใช้ด้วย โดยได้ทำกับ สปป.ลาวแล้ว จะทำกับกัมพูชาและฟิลิปปินส์ต่อไป ซึ่งจะช่วยให้สินค้าไทยที่ขายไปยังประเทศเหล่านี้ มีมาตรฐานเดียวกัน ช่วยลดขั้นตอนการตรวจสอบ ทำให้ค้าขายสะดวกขึ้น และมีแผนปรับเรื่องการตรวจสอบหัวจ่ายปั๊มน้ำมัน จะให้ภาคเอกชนมาเป็นผู้ตรวจสอบแทนเจ้าหน้าที่ เพื่อลดระยะเวลา และเพิ่มการตรวจสอบให้ได้มากขึ้น โดยปัจจุบัน มีปั๊มน้ำมันกว่า 2 หมื่นปั๊ม มีหัวจ่ายกว่า 5 แสนหัวจ่าย มีค่าตรวจหัวจ่ายละ 250 บาท

แต่ละปีตรวจได้ประมาณ 1 แสนหัวจ่าย เก็บค่าธรรมเนียมได้ 25 ล้านบาท เมื่อมีเอกชนมาตรวจแทน น่าจะตรวจได้เพิ่มขึ้น และตั้งเป้ามีรายได้จากค่าธรรมเนียม ปี 2568 ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และยังมีแผนตรวจเครื่องชั่งตวงวัดอีก 6 ชนิด ได้แก่ มาตรวัดไฟฟ้า แท็กซี่มิเตอร์ EV Charger เครื่องวัดลมยางรถยนต์ เครื่องวัดความเร็วรถยนต์ และเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในลมหายใจ ซึ่งตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ได้หารือการทำมาตรฐานกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) แล้ว เพื่อสร้างมาตรฐานการตรวจสอบ

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ จะทำงานร่วมกับพาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ เพื่อขยายตลาดให้กับสินค้าเกษตรของไทย ไม่ใช่แค่การกระบายผลผลิตในประเทศ แต่ตลาดต่างประเทศ ก็จะผลักดันด้วย ยกตัวอย่างเช่น ทุเรียนสด เกรดดี ส่วนใหญ่ตลาดจีนต้องการ แต่เกรดรอง สามารถขายไปประเทศไหน ก็ต้องไปหาทาง หรือมังคุดไซซ์เล็ก จะขายไปไหนได้บ้าง มันมีโอกาสอยู่