
กรมโรงงานอุตสาหกรรม ไล่บี้โรงงานอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยควัน ฝุ่นหนัก ติดเครื่อง CEMS ให้ครบก่อนกลาง 2568 ยอมเลื่อนออกไป 1 ปี “สหวิริยา-มิลล์คอน” โอดเจอค่าเครื่อง 3 ล้านบาท ให้หาแบงก์รัฐช่วย
นายนาวา จันทนสุรคน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. 2565 โดยบังคับให้โรงงานขนาดใหญ่ 13 ประเภทที่ระบายมลพิษจากปล่องกว่า 600 โรงงานทั่วประเทศ ต้องติดตั้งระบบตรวจสอบการระบายมลพิษอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติต่อเนื่อง (Continuous Emission Monitoring Systems : CEMS) และเชื่อมโยงข้อมูลไปยัง กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เพื่อควบคุมเฝ้าระวังการระบายมลพิษอากาศที่เกินค่ามาตรฐานจากปล่องแบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งโรงงานเหล็กถือเป็นหนึ่งในประเภทที่ถูกบังคับอันดับแรก เนื่องจากกระบวนการหลอม รีด ขึ้นรูป ทั้งหมดนั้นมีการปล่อยทั้งฝุ่นควันจำนวนมาก
ประกาศดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2566 ซึ่งโรงงานเก่าต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 9 มิถุนายน 2567 ส่วนโรงงานที่ขออนุญาตใหม่ต้องติดตั้ง CEMS ให้แล้วเสร็จก่อนเริ่มประกอบกิจการโรงงาน ในส่วนของสหวิริยาฯเองได้ทยอยติดตั้งแล้ว รวมถึงโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งบังคับให้ติดตั้งหมด แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับบางรายเพราะราคาเครื่องที่ค่อนข้างสูง ทำให้โรงงานที่อยู่นอกนิคมอุตสาหกรรมได้ขอขยายเวลาออกไปก่อน
นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยมูลค่าเครื่อง CEMS มีราคาประมาณ 3 ล้านบาท นับว่าค่อนข้างสูง จึงขอให้ กรอ.หาสถาบันการเงินที่เป็นของรัฐเข้ามาช่วยในเรื่องของเงินทุนส่วนนี้ ซึ่งทาง กรอ.ยังไม่ได้ให้คำตอบถึงแนวทางช่วยเหลือส่วนนี้ เมื่อเป็นต้นทุนที่สูง ดังนั้น ทาง กรอ.จึงขยายเวลาให้ไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2568
สำหรับประกาศดังกล่าวเดิมบังคับใช้ในจังหวัดระยองเท่านั้น และได้ขยายไปทั่วประเทศด้วยปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงขึ้นทุกวัน และยังขยายไปใช้กับโรงงานที่มีกระบวนการผลิตสุ่มเสี่ยงจะมีการระบายสารมลพิษ เช่น โรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตต่อหน่วย 10 เมกะวัตต์ (MW) ขึ้นไป หม้อน้ำที่มีขนาด 30 ตันไอน้ำต่อชั่วโมงขึ้นไป หน่วยผลิตที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง 100 ล้านบีทียู (MMBTU) ต่อชั่วโมงขึ้นไป โรงเหล็ก โรงกลั่นน้ำมัน โรงปูนซีเมนต์ โรงกระดาษ โรงผลิตกรด เตาเผาขยะ โรงผลิตแก้ว
จากนั้นจะประกาศประเภทโรงงานอื่นตามมาจนครบทุกอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม แม้ว่า CEMS จะถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในประเทศที่พัฒนาแล้วเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษและปรับปรุงประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม แต่ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เผชิญอุปสรรคสำหรับการนำ CEMS มาใช้ เนื่องจากมีต้นทุนการดำเนินการที่สูง ข้อจำกัดทางเทคนิค ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการสอบเทียบ ไม่มีระบบการรับรองในประเทศ และยังไม่มีการจัดการและการบำรุงรักษาข้อมูล