
“นฤมล” หนุนยกระดับสินค้า เพิ่มรายได้เกษตรกร หลังห่วงโซ่ราคาปูดที่พ่อค้าคนกลาง-น้ำท่วม ฝนแล้ง ซัดจีดีพีเกษตรติดลบ 1.1% ลุ้นปี 2568 โต 2.8%
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดการสัมมนาและปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี 2567 และแนวโน้มปี 2568 Unbox and Unlock Thai Agriculture ปลดล็อกเกษตรไทย ทุกปัจจัยคือโอกาสพร้อม ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก กรุงเทพฯ ว่าประเทศไทยมีเนื้อที่ทางการเกษตรกว่า 147 ล้านไร่ หรือกว่า 46% ของเนื้อที่ทั้งประเทศ มีประชากรอยู่ในภาคการเกษตรกว่า 30 ล้านคน
ซึ่งในปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ภาคเกษตร มีสัดส่วนอยู่ที่ 8.58% ของจีดีพีทั้งประเทศ ลดลงจาก 10 ปีที่แล้วที่มีสัดส่วนกว่า 11% เนื่องจากมีบางส่วนถูกจัดอยู่ในกลุ่มภาคอุตสาหกรรม แต่หากมองภาพรวมแล้วภาคการเกษตรจะมีส่วนในการเติบโตของจีดีพีในภาพรวมถึง 30%
ทั้งนี้ แม้ว่าสัดส่วนของภาคเกษตรจะลดลง แต่มูลค่าจีดีพีภาคเกษตรยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 3,000 ล้านบาท จาก 10 ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ภาคเกษตรไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการปรับเปลี่ยนกฎด้านการค้าและการลงทุนของโลก โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีแนวทางในการรับมือกับภัยธรรมชาติ ด้วยดําเนินมาตรการเชิงรุกร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงการส่งเสริมการประกันภัยพืชผล บริหารจัดการความเสี่ยงให้เกษตรกรมีรายได้ที่แน่นอน ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรม เพื่อลดต้นทุน และต่อยอดสู่เกษตรและบริการมูลค่าสูง พร้อมมุ่งเน้นการทำเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวทางของเศรษฐกิจแบบ BCG เพื่อรองรับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งส่งเสริมและยกระดับเกษตรกรให้ผลิตสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือในการติดตามสถานการณ์ภาคเกษตร เพื่อใช้วิเคราะห์ และเฝ้าระวังปัจจัยที่ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อการทําการเกษตร นอกจากนี้ การปรับปรุงกฎระเบียบและการศึกษากฎระเบียบและกฎหมายของประเทศคู่ค้า เพื่อพัฒนาเกษตรกรและพัฒนาปรับปรุงคุณภาพสินค้าเกษตรของไทยให้ทันต่อสถานการณ์
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรกล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์จีดีพีภาคเกษตรไทยในปี 2567 การหดตัว 1.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยสาขาพืช สาขาประมง และสาขาบริการทางการเกษตรหดตัว ขณะที่สาขาปศุสัตว์และสาขาป่าไม้ยังคงขยายตัวได้ เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งและอุทกภัย แต่แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 1.8-2.8% เนื่องจากปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อการทำเกษตร

ซึ่งจะทำให้สินค้าทางเกษตรโดยเฉพาะสินค้าประเภทพืชมีผลผลิตที่มาก และเพียงพอต่อความต้องการของตลาด รวมทั้งในปี 2568 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมีการขยายการส่งออกสินค้าเกษตรกับประเทศคู่ค้าได้มากขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมการค้าระหว่างประเทศของหลายประเทศคู่ค้าที่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจัยของความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และภัยพิบัติทางธรรมชาติ คาดว่าจะเป็นโอกาสของประเทศไทยที่สามารถส่งออกสินค้าการเกษตรได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย