
“พิชัย” รมว.พาณิชย์ นำทัพซอฟต์พาวเวอร์บุกโตเกียว โปรโมตผ่าน มังงะ-กาจาปอง-กิโมโนผ้าไทย จำหน่ายทั่วญี่ปุ่น พร้อมขึ้นป้ายกลางชิบูย่า คาด 72 ล้านคนเห็นสินค้าไทยก่อนปีใหม่
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างการเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือและบันทึกความเข้าใจจำนวน 3 กิจกรรม ประกอบด้วย บันทึกความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หรือ DITP กับบริษัท MIARAWASHIYA LLC ในการเผยแพร่ Soft Power ไทยผ่านมังงะ (การ์ตูน) ญี่ปุ่น
DITP กับบริษัท KENELEPHANT Co., Ltd. ในการจำหน่ายและเผยแพร่ Soft Power ไทยผ่านตู้กาจาปอง (ไข่หยอดเหรียญ) และบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย หรือ SACIT กับบริษัท OMITA ในการใช้ผ้าไทยภายใต้โครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ผลิตกิโมโนจำหน่ายทั่วประเทศญี่ปุ่น
วันนี้มีการลงนามบันทึกความตกลงและบันทึกความเข้าใจรวม 3 ฉบับระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยกับทางญี่ปุ่น เชื่อมโยงวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสังคมของญี่ปุ่นเข้ากับไทย จะมีสินค้าไทยเข้าไปอยู่ในกาจาปองของญี่ปุ่น 5 รายการสินค้า (น้องมะม่วง เบียร์ช้าง มาม่า เงาะกระป๋อง และรถไฟไทย) สอดแทรกความเป็นไทยเข้าไปในการ์ตูนมังงะ และใช้ผ้าไทยมาทำชุดกิโมโนของญี่ปุ่น ช่วยสร้างการรับรู้สินค้าและวัฒนธรรมไทย
ส่วนเรื่องธุรกิจหรือการลงทุนใหญ่ ๆ ที่เป็นรายได้หลักของประเทศไทย ตนและผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ได้มีโอกาสพบกับนักการเมืองระดับสูงของประเทศญี่ปุ่น 2 ท่านคือ H.E. Mr. HAYASHI Yoshimasa, Chief Cabinet Secretary และ Mr.Taro KONO สส.จังหวัดคานางาวะ อดีตรัฐมนตรีดิจิทัลของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในญี่ปุ่น ที่ทางญี่ปุ่นกำลังจะมีการลงทุนเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของญี่ปุ่นในช่วง 10 ปีข้างหน้า
โดยจะทุ่มงบประมาณมากกว่า 10 ล้านล้านเยน หรือ 2.2 ล้านล้านบาท อยากให้ไทยได้ประโยชน์จากการลงทุนของญี่ปุ่นในครั้งนี้ โดยเฉพาะในอนาคตที่ไทยจะสามารถผลิต PCB เพิ่มขึ้นก็จะสามารถเชื่อมโยงกับทางไทยได้
ผลสำเร็จจากการเดินทางมาเยือนญี่ปุ่นในครั้งนี้ดีกว่าที่คาดหวังไว้เยอะมาก ตนได้พบนักธุรกิจ นักลงทุน นักวิชาการ และสื่อของญี่ปุ่น ความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศจะต้องเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต นักลงทุนญี่ปุ่นรายใหญ่หลายบริษัทก็แสดงความพร้อมที่จะมาลงทุนที่ไทย รู้สึกดีใจว่ามาในครั้งนี้แนวโน้มการลงทุนดี เชื่อว่าญี่ปุ่นจะกลับมาเป็นแชมป์การลงทุนของไทยอย่างแน่นอน คนญี่ปุ่นมาอยู่เมืองไทยก็มีความรู้สึกเหมือนบ้าน ชื่นชอบที่จะอยู่เมืองไทย เพราะวัฒนธรรมมีความเชื่อมโยงกันในทุกระดับ
และในการมาญี่ปุ่นในครั้งนี้ได้ถือโอกาสประชุมกับทูตพาณิชย์ของไทยในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เตรียมความพร้อมในการส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยในปีหน้า ปีนี้การส่งออกของไทยมาญี่ปุ่นและเกาหลีลดลงนิดหน่อย เพราะญี่ปุ่นและเกาหลีค่าเงินค่อนข้างต่ำ ทำให้สินค้าที่นำเข้าแพงขึ้น จึงมีปัญหาในเรื่องของการส่งออก
และได้พบกับนางพิมพ์ใจ มัตสึโมโต ผู้แทนกิตติมศักดิ์ของกระทรวงพาณิชย์ประจำญี่ปุ่น หรือ HTA และผู้บริหารบริษัทญี่ปุ่นผู้นำเข้าผลไม้จากไทยของญี่ปุ่น แจ้งว่ากล้วยหอมของไทยขายดีมาก ไทยควรเร่งผลิตกล้วย และการปลูกกล้วยกับมันสำปะหลังก็อยู่ในพื้นที่เดียวกัน การที่เราส่งเสริมให้คนไทยปลูกกล้วยมาส่งญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ตนจะกลับไปคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ เพื่อมาโปรโมตกล้วย เพราะประเทศญี่ปุ่นกินกล้วยปีละเป็น 1,000,000 ตัน
โดยได้ให้กรมการค้าภายในไปคำนวณรายได้จากการปลูกกล้วยกับมันสำปะหลังต่างกันอย่างไร พบว่ารายได้จากการปลูกมันสำปะหลังอยู่ที่ปีละ 8,000 บาทต่อไร่ แต่กล้วยสามารถสร้างรายได้ถึงปีละ 100,000 บาทต่อไร่ เพื่อให้เกษตรกรไทยพิจารณาเลือกปลูก อยากให้เกษตรกรไทยปลูกกล้วยมาขายให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ นายพิชัยได้ประชาสัมพันธ์ยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าและบริการไทย (Think Thailand-Next Level) ณ ห้าแยกชิบูย่า ย่านที่พลุกพล่านที่สุด หนึ่งในแลนด์มาร์กของกรุงโตเกียว โดยเป็นกิจกรรมการฉายคลิปเนื้อหาสินค้าและบริการไทย ฉายทุก 10 นาที ความยาว 30 วินาที ผ่านบิลบอร์ดบนอาคาร ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน เริ่มวันที่ 30 พฤศจิกายน-29 ธันวาคม 2567 เป็นจุดไฮไลต์ที่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะเดินทางผ่านจุดนี้ คาดจะเกิดการมองเห็น 2.4 ล้านคนต่อวัน หรือกว่า 72 ล้านคน ภายใน 1 เดือนด้วย