
นภินทร รมช.พาณิชย์ โชว์ผลงานเด่นปี 2567 เดินหน้าแก้ปัญหาเรื้อรังเรื่อง “นอมินี” ร่วมกับ CIB จับ “มิจฉาชีพ-บัญชีม้า” ย้ำไม่ได้หายไปไหน กับฉายา “รมต.โลกลืม”
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับสื่อมวลชน หลังตนเป็นหนึ่งคนที่ได้รับฉายาจากสื่อว่า “รมต.โลกลืม” ว่า “ผมเข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะ ถือว่าเป็นโอกาสที่ผมจะได้พูดให้ทุกคนได้ทราบถึงผลงานที่ผมได้ทำมาตลอดทั้งปี 2567 ที่ผมถือว่าเป็นผลงานที่ประชาชนได้ประโยชน์ เพราะกระทรวงพาณิชย์เรามีหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน
โดยในมิติหนึ่งคือการดูแลผู้ประกอบการที่เป็นรายกลาง รายย่อย หรือ SMEs ที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับรากหญ้า เป็นผู้นำสินค้าของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร สินค้าแปรรูป รวมถึงนำนวัตกรรมมาใช้กับสินค้าไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นผู้ที่มีความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจของไทยเป็นอย่างมาก”
“ผมได้พูดมาตลอดว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าในการเพิ่มสัดส่วนการตลาดของ SMEs เป็น 40% ในปี 2570 เพราะปัจจุบัน SMEs ไทยมีจำนวนเยอะมาก ซี่งคิดเป็นสัดส่วน 99.5% ของผู้ประกอบการทั้งหมด การเพิ่มสัดส่วนการตลาดให้ SMEs ถือเป็นการเพิ่มสัดส่วนทางเศรษฐกิจของทั้งประเทศ ทำให้คนไทยได้มีรายได้ มีความกินดี อยู่ดี ได้จริง
ซึ่งที่ผ่านมาและถึงแม้วันนี้ผมและกระทรวงพาณิชย์ก็กำลังทำอยู่ สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว ได้แก่ ผลการจัดงาน “มหกรรมรวมพลัง SMEs ไทย” เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 5 วัน มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ เพื่อต่อยอด และสร้างตลาดใหม่ ๆ จำนวน 193,075,878 บาท และมีการจำหน่ายสินค้าและบริการ 7,230,845 บาท รวมมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในงานกว่า 2 แสนล้านบาท
และยังมีการเร่งการขึ้นทะเบียนรับรองสินค้า GI เพื่อเพิ่มมูลค่าและหาตลาดพรีเมี่ยมให้กับสินค้า โดยในปี 2567 มีการขึ้นทะเบียนสินค้าทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอีก 212 รายการ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 22,378 ล้านบาท ถือว่าสร้างมูลค่าให้กับสินค้าชุมชนสูงที่สุดตั้งแต่มีการขึ้นทะเบียนสินค้า GI มา ซึ่งทั้งหมดนี่คือผลประโยชย์ของผู้ประกอบการไทยทั้งสิ้น”
นอกจากนี้ ยังมีการเร่งแก้ไขปัญหาใหญ่ระดับชาติ ได้แก่ ปัญหาธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว หรือนอมินี ที่เข้าข่ายเป็นอาชญากรข้ามชาติ ทำลายระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ที่ใกล้ตัวเราที่สุดคือ “ปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคลและการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee)” ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สำนักงานป้องกันและปราบปรางการฟอกเงิน (ปปง.) ปราบปรามผู้กระทำความผิดไปแล้วกว่า 747 ราย โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 11,720 ล้านบาท และยังเดินหน้าตรวจสอบการจดทะเบียนนิติบุคคลเพื่อป้องกันปัญหา และร่วมปราบปรามผู้กระทำผิดที่เปลี่ยนวิธีการในรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้หลอกลวงประชาชน ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์เองได้ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา
“สำหรับปัญหาการส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ทุเรียนไทย ไปสู่ตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน ที่ผ่านมามีปัญหาการตรวจผ่านด่านชายแดนทั้งในประเทศเวียดนามและขาเข้าผ่านด่านจีน ซึ่งผมได้เดินทางไปเจรจาที่ด่านรถไฟด่งดัง จังหวัดลางเซิน ด่านรถไฟสากลหูหงิ ที่มีการผ่านพิธีศุลกากรขาเข้าและขาออก จากเวียดนามเข้าสู่ด่านโหยวอี้กวาน เมืองผิงเสียง ประเทศจีน เพื่อให้ทั้งสองประเทศอำนวยความสะดวกกับขบวนขนส่งทุเรียนไทยช่วงผลผลิตออกมาก ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
ทำให้เมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ราคาทุเรียนไทยได้ราคาหน้าสวนดีถึงกิโลฯ ละ 230 บาท ในส่วนการจัดการสินค้าเกษตรภายในประเทศ ได้มีการเชื่อมโยงผลไม้ที่ล้นตลาด อาทิ สับปะรดภาคเหนือ มังคุดภายใต้ ให้มีการระบายออกจากต้นทางให้ได้มากที่สุด รวมถึงการเข้าสู่การแปรรูปผลไม้เพื่อส่งออก ทำให้ปีนี้ 2567 ช่วงฤดูผลผลิตผลไม้ไม่มีปัญหา ราคาผลไม้อยู่ในระดับที่ดีมากทุกตัว”
“สุดท้ายผมขอฝากสื่อมวลชนช่วยกันนำเสนอผลงานต่าง ๆ ที่ผมได้ทำไปในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ ผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับจากการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้นโยบายรัฐบาล ถึงแม้ผลงานต่าง ๆ อาจจะไม่ได้อยู่ในกระแสข่าวทำให้ได้ฉายา รมต.โลกลืม แต่ขอให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ผมถือว่าเป็นผลงานของผมด้วย” นายนภินทรกล่าว