ครั้งแรกดึงเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐ 525 ล้านบาท ให้ชุมชนรอบเหมืองแร่

เหมืองแร่

“เอกนัฏ” เดินหน้าปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย ทุกส่วนต้องไม่กระทบชุมชนเป็นกับมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุด กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ดึง “เงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐ” กว่า 525 ล้านบาท สะสมมาตั้งแต่ปี 2560 ให้ชุมชนรอบเหมือง 187 แห่ง ไว้วิจัย ฟื้นฟูพื้นที่ ปี 2568 เตรียมจัดสรรเงินปีละ 100 ล้านบาท ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกระจายถึงชุมชน

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพและยั่งยืน จำเป็นต้องเดินตามนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย (Industrial Reform) เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงระยะยาว

โดย 3 พันธกิจสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินงาน คือ 1.การจัดการกากอุตสาหกรรมตกค้างทั้งระบบอย่างเข้มงวด 2.การปกป้องอุตสาหกรรมไทยจากการทุ่มตลาดพร้อมช่วยผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการทะลักเข้าของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และยกระดับขีดความสามารถ SMEs ไทย 3.การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มอบหมายให้กรมต่าง ๆ ทำงานร่วมกันกับประชาชน เอกชน และท้องถิ่นเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไปพร้อมกับการพัฒนาชุมชน

ล่าสุดได้มอบหมายให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ปฏิรูปการดำเนินงานสร้างผลกระทบเชิงบวกในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เนื่องจากเป็นต้นน้ำและเป็นวัตถุดิบสำคัญต่อหลาย ๆ อุตสาหกรรม ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ มาตรฐานการประกอบการที่มีธรรมาภิบาลการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนรอบเหมือง การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

รวมถึงการดูแลชุมชนและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับระบบนิเวศโดยรอบภายใต้แนวคิดเหมืองแร่เพื่อชุมชน ผลักดันให้เกิดต้นแบบกิจการเหมืองแร่ที่ดีเพื่อส่งต่อไปยังกิจการอื่น ๆ ที่มีอยู่กว่า 800 แห่งทั่วประเทศ

ADVERTISMENT

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ว่านโยบาย 4 มิติ คือ 1.การสร้างความสำเร็จให้ภาคธุรกิจ 2.การดูแลสังคมโดยรอบโรงงานอุตสาหกรรม 3.การรักษาสิ่งแวดล้อมและ 4.การกระจายรายได้ให้กับประชาชนเพื่อมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการจัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อใช้ดูแลและส่งเสริมการประกอบกิจการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดูแลสังคมโดยรอบสถานประกอบการ

ADVERTISMENT

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า เหมืองแร่เพื่อชุมชน เป็นการยกระดับมาตรฐานการทำเหมืองควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนที่เป็นที่ตั้งของแหล่ง กพร. ได้จัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐ ให้แก่ชุมชนต่าง ๆ ที่อยู่ในละแวกพื้นที่การประกอบธุรกิจเหมืองแร่ ซึ่งการจัดสรรในครั้งนี้ถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ 187 ชุมชนทั่วประเทศ มูลค่ารวมกว่า 525 ล้านบาท

โดยเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐเป็นเงินที่ได้จากผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ที่ได้รับสิทธิในการสำรวจแร่หรือการทำเหมือง ซึ่งเงินนี้จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ 2 ด้าน คือ การสำรวจและวิจัยเกี่ยวกับแร่ หรือการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอันจะช่วยให้เกิดการพัฒนาชุมชน ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการจัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐ มีอิสระที่จะนำเงินส่วนนี้ไปใช้พัฒนาชุมชนโดยรอบเหมืองภายใต้วัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนดไว้

นอกจากนี้ ในปีงบประมาณถัดไป กพร. ยังมีแผนที่จะจัดสรรเงินกระจายสู่ชุมชนอื่นที่อยู่โดยรอบการประกอบกิจการเหมืองแร่เพิ่มเติม โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะสามารถจัดสรรเงินนี้ได้ปีละไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเร่งให้ชุมชนได้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยแท้จริง

“นับตั้งแต่มี พ.ร.บ.แร่ 2560 นี่เป็นเงินสะสมและเป็นครั้งแรกที่เรามอบให้ อปท. สำหรับในปี 2568 การขับเคลื่อนแนวคิดเหมืองแร่เพื่อชุมชน จะยังคงเป็นแนวทางที่สำคัญในการทำงานของ กพร. เพื่อให้ชุมชนโดยรอบเหมืองแร่ที่มีจำนวนกว่า 480 เหมือง หรือ 850 แปลงประทานบัตรได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแร่และสร้างระบบนิเวศที่สมดุลมากขึ้น

โดย กพร.มีแนวทางในการติดตามตรวจสอบเฝ้าระวังป้องกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และผลกระทบที่เกี่ยวเนื่องจากกิจการเหมืองแร่ รวมถึงการจัดสรรผลประโยชน์จากการพัฒนาแหล่งแร่ให้กับชุมชนในพื้นที่อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง พร้อมด้วยการผลักดันให้ผู้ประกอบการดำเนินกิจการด้วยความเป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการเหมืองแร่สีเขียว”