ราคาน้ำมันดิบ (13 ม.ค.) ปรับเพิ่ม หลังมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ของสหรัฐ

ราคาน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 2% หลังมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ของสหรัฐ อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบโลก

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2% แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน หลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันไปยังจีนและอินเดีย โดยมาตรการที่เข้มงวดดังกล่าว อาจบีบให้ผู้ซื้อน้ำมันในจีนและอินเดียหันไปใช้น้ำมันดิบจากแหล่งอื่นแทน โดยตลาดกังวลว่าอุปทานน้ำมันโลกอาจตึงตัวมากขึ้น

โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 13 ม.ค. 2568 อยู่ที่ 78.82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.25 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 81.01 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

โกลด์แมน แซคส์ (Golman Sachs) ประเมินว่า มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อเรือบรรทุกน้ำมันกว่า 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 25% ของการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย โดยปัจจุบันมีเรือบรรทุกน้ำมันอย่างน้อย 65 ลำ ที่ไม่สามารถขนส่งน้ำมันได้ นับตั้งแต่สหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่

ค่าเงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปรับเพิ่มขึ้น 0.28% สู่ระดับ 109.955 หลังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลตัวเลข การจ้างงานของสหรัฐ ในเดือน ธ.ค. 67 ที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวสนับสนุนแนวโน้มของตลาดที่คาดการณ์ว่า ธนาคารสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขการส่งออกน้ำมันจากสิงคโปร์ไปยังอินโดนีเซียปรับลดลงกว่า 22.1% MOM สู่ระดับ 1.44 แสนตัน นอกจากนี้ อุปสงค์น้ำมันในภูมิภาคมีแนวโน้มอ่อนตัวลงหลังสิ้นสุดช่วงเทศกาลปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากความกังวลด้านอุปทานน้ำมันหลังการออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ของสหรัฐ

ADVERTISMENT

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ ส่งผลให้ความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันตึงตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในจีนและอินเดีย นอกจากนี้ ข้อมูลการส่งออกน้ำมันของจีนในเดือน ธ.ค. 2567 ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.74 ล้านตัน ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี จากโควตาการส่งออกที่จำกัด และการลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากภาครัฐ ส่งผลให้ต้นทุนการส่งออกปรับเพิ่มขึ้น 3-4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ADVERTISMENT