
วงเสวนาทิศทางพลังงานชาติห่วงไทยเจอ 2 เด้ง “ไฟแพงแถมไม่เขียว” ต้นเหตุเงินลงทุนนอกหนีซบเวียดนาม-มาเลย์ ชี้ภารกิจหนักอีก 5 ปี ต้องเพิ่มพลังงานสะอาดอีก 2 เท่า ให้ได้ 40% ทางเดียวคือ เปิดเสรีให้เอกชนร่วมผลิต
ดร.อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวในงานเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น “ทิศทางโครงสร้างพลังงานชาติ ภายใต้บริบท COP29-Symposium” ครั้งที่ 4 ว่า ค่าไฟของไทยล่าสุดอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย แต่เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อย่างเวียดนามอยู่ที่ 2.69 บาทต่อหน่วย ลาว 0.92 บาทต่อหน่วย และเมียนมาอยู่ที่ 2.87 บาทต่อหน่วย ถือว่าค่าไฟบ้านเราแพงกว่ามาก ทำให้ไทยเริ่มเสียศักยภาพการแข่งขันด้านการลงทุน
ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ บริษัท Pandora เดิมมีโรงงานผลิตในไทยเพียงแห่งเดียว แต่ล่าสุดได้ตัดสินใจทุ่มงบฯ 150 ล้านดอลลาร์เข้าไปสร้างโรงงานในเวียดนาม โดยให้เหตุผลว่า Pandora มีเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2040 ซึ่งนโยบายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดของเวียดนามตอบโจทย์ทิศทางของบริษัท นอกจากนี้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ Google Microsoft ได้ประกาศการลงทุน Data Center ในมาเลเซียยังไม่มีแผนชัดเจนที่จะเข้ามาลงทุนในไทย โดยมีเหตุผลหลักคือจะต้องใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด 100%
“ค่าไฟไทยนอกจากจะมีราคาแพงแล้วยังเป็นไฟที่ไม่ได้มาจากพลังงานสะอาด หรือเรียกง่าย ๆ ว่าไฟไม่เขียว ทำให้ไทยเสียโอกาสมากกลายเป็นจุดอ่อนของประเทศในตอนนี้” ดร.อารีพรกล่าว
นายสุวัฒน์ กมลพนัส ที่ปรึกษาคณะกรรมการพลังงาน หอการค้าไทย กล่าวว่า ร่างแผน PDP2024 ได้ตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่ 51% ภายในปี 2037 ซึ่งยังไม่ตอบโจทย์การรักษาความสามารถทางการแข่งขันเพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีการตั้งเป้าเร่งรัดการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดช้ากว่าภาคการผลิตขององค์กรเอกชน ทำให้ไทยเจอกับดักระเบิด 2 ลูก ลูกแรกคือ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ที่จะบังคับใช้ในเดือนมกราคม ปี 2026
ส่วนระเบิดลูกที่สองคือ ภาคการผลิตจากเอกชนชั้นนำ เช่น กลุ่ม RE100 ได้มีการประกาศว่าจะใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในการผลิตสินค้าภายในปี 2030 ทำให้ระเบิด 2 ลูกนี้เมื่อรวมความต้องการในการผลิตไฟฟ้าสูงถึง 40% ของประเทศ หรือพูดง่าย ๆ ว่าไทยมีความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดถึง 40% ในปี 2030 ซึ่งนับเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะปัจจุบันเรามีไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพียงแค่ 20%
ทั้งนี้ หอการค้าได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนพลังงานชาติว่า แนวทางในการขับเคลื่อนเป้าหมายไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ถือว่ามาถูกทางแล้ว แต่วางปริมาณไว้น้อยเกินไป ภาคเอกชนทั้งในกลุ่มของดีมานด์และซัพพลายต่างให้ความเห็นเดียวกันว่าเราจะต้องเร่งไปสู่เป้าให้เร็วขึ้น ดังนั้นทางออกคือ จะต้องหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีต้นทุนต่ำ และใช้การกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ในการรักษาเสถียรภาพให้มากขึ้น
“อีก 5 ปีข้างหน้าจะเร่งให้ไปถึง 40% หรือ 2 เท่าได้หรือไม่ ซึ่งทางออกและเครื่องมือสำคัญที่จะต้องเข้ามาใช้ คือ การเปิดเสรีให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้าสะอาดมากขึ้น” นายสุวัฒน์กล่าว