ส่อง 8 สุราชุมชน ไฮไลต์จากสี่ภาคทั่วไทย ยกระดับผลผลิตการเกษตร

ส่อง 8 แบรนด์สุราชุมชน 4 ภูมิภาคทั่วไทย จากการใช้ผลผลิตทางการเกษตรท้องถิ่น มีที่ไหนใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง ?

ข่าวดีสำหรับนักดื่ม หลังสภาผู้แทนราษฎร ลงมติวาระ 3 เอกฉันท์ ผ่านร่าง พ.ร.บ.สุราชุมชน เพื่อลดการผูกขาด ทั้งยังสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชน โดยเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตสุราหรือมีเครื่องกลั่นสำหรับผลิตสุราไว้ในครอบครองให้เปิดกว้างมากขึ้น อยู่ภายใต้ 2 ประเด็นหลัก คือ

1.ต้องสนับสนุนให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน องค์กรเกษตรกร หรือผู้ประกอบการรายย่อย

2.ต้องสนับสนุนการใช้สินค้าเกษตรในประเทศมาผลิตหรือนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตสุราทุกประเภท

ซึ่งจากประเด็นดังกล่าว นับเป็นเรื่องราวดี ๆ สำหรับทั้งผู้ประกอบการและเกษตรกรที่จะได้รับโอกาสในการผลิตผลผลิตทางการเกษตรเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดผู้ประกอบการสุราชุมชนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สุราชุมชนของไทยนั้นก็เรียกได้ว่า มีกระแสและชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน ประชาชาติธุรกิจ พาไปชม 8 แบรนด์ จาก 4 ภาคทั่วไทยที่ใช้ผลผลิตทางการเกษตรเป็นวัตถุดิบหลักในการทำ

ADVERTISMENT

Raiyoddoy

(เครดิตภาพ สวนส้มไร่ยอดดอย – raiyoddoy )

ไร่ยอดดอย สุราชุมชนตัวแทนจากอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มต้นมาจากสวนส้มที่พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาเอง ได้แก่ Honey Ocean, Royal Fremont และ Gloden Honey ผลิตสุรา 2 ตัวด้วยกัน ได้แก่ Orange eau de vie และ Lychee eau de vie โดยมีที่มาจากการอยากแก้ปัญหาส้มลูกบาง ผิวลาย ไม่สวย ทำให้ไม่สามารถบรรจุขายลูกค้าได้ทั้งหมด

ทางสวนจึงมีแนวคิดแปรรูปส้มให้กลายมาเป็นส้มแห้ง ส้มอบ หรือน้ำส้ม และหลังจากศึกษาจนพบว่าที่ต่างประเทศมีการนำส้มมาทำเป็นสุราได้ จึงเริ่มค้นคว้าข้อมูลภายในประเทศว่ายังไม่มีใครเลยทำ

ADVERTISMENT

ต่อมาทางสวนจึงตัดสินใจพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ขึ้นมา โดยทดลองนำส้มในสวนทั้งสามสายพันธุ์มาคั้นผสมกัน และคัดสรรแบ่งอัตราส่วนตามรสชาติที่อยากได้ กลายมาเป็นสุรา 1 ขวด ปริมาณ 700 มิลลิลิตร ที่ใช้ส้มในปริมาณ 11-12 กิโลกรัม เช่นเดียวกันลิ้นจี่ที่ใช้ในปริมาณเดียวกัน ทำให้สุราแต่ละขวดก็จะมีกลิ่นอ่อน ๆ ของผลไม้ตามรสชาติอยู่ด้วย

Devanom

ข้าวเหนียว
(เครดิตภาพ Freepik)

จากฟาร์มฮอปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กลายมาเป็นโรงกลั่นสาโท เทพนมได้อย่างไร ?

คราฟต์สาโทจากจังหวัดนนทบุรี มีที่มาจากความต้องการทำเครื่องดื่มด้วยวัตถุดิบไทย เพื่อกินคู่กับอาหารไทย เกิดเป็นสาโท 13% ที่ทำมาจากข้าวเหนียวเขี้ยวงู ที่ถือว่าเป็น King of Sticky Rice หมักด้วยวัตถุดิบพิเศษของเทพนมฟาร์ม โดยไม่ผ่านการกรองใด ๆ ทำให้มีกลิ่นข้าวเหนียวและผลไม้ แต่ไม่หวานเลี่ยน

ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จกับข้าวชนิดแรกก็ไปต่อกันที่ข้าวชนิดอื่นเพื่อรังสรรค์สาโทที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ทั้งกลิ่น และรสสัมผัส ได้แก่ ข้าวเหนียวดำลืมผัวจากฟาร์มออร์แกนิก จังหวัดสกลนคร ดำเนินขั้นตอนตั้งแต่การหมัก บ่ม ไม่แต่งกลิ่น รส หรือสีใด ๆ กลายมาเป็นสาโท เทพนม ลืมผัว ที่มีสีม่วงอ่อน เหมาะกับการทานคู่อาหารหลากหลายประเภท

ChaiyaPhum

อ้อย
(เครดิตภาพ Freepik)

The Spirit of Chaiyaphum มีที่ตั้งอยู่ที่อำเภอเนินสง่า จงหวัดชัยภูมิ เริ่มต้นมาจากช่างนาฬิกาชาวฝรั่งเศสพบรักกับสาวชัยภูมิที่เกาะสมุย ก่อนจะตกลงปลงใจกันมาตั้งถิ่นฐานที่ไทย ด้านสาวชัยภูมิมีไร่อ้อยอยู่แต่ไม่รู้จะทำอะไร แฟนหนุ่มจึงเกิดไอเดียทำสุราจากอ้อย จากการศึกษาและลองผิดลองถูกอยู่ 2 ปี กลายมาเป็นรัมที่ผลิตมาจากอ้อยสดที่หมักโดยยีสต์ธรรมชาติที่ติดมากับลำอ้อย

Takiya Brew

ตาล
(เครดิตภาพ Freepik)

คราฟต์ตาลโตนด สุราชุมชน จากจังหวัดสงขลา ผลิตโดยวิสาหกิจชุมชนตาลบุรี อำเภอสทิงพระ แหล่งปลูกต้นตาลขนาดใหญ่ของจังหวัด นำเสนอวิถีชีวิตชุมชนในคาบสมุทรสทิงพระที่ผูกพันกับอาชีพทำตาลโตนดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งการปีนต้นตาล ปาดตาล แปรรูปน้ำตาลโตนด โดยเฉพาะการทำน้ำตาลเมา หรือที่เรียกว่า “หวาก” โดยการนำน้ำตาลสดมาหมัก ใช้ยีสต์ธรรมชาติจากเปลือกไม้เคี้ยม กลายมาเป็นคราฟต์ตาลโตนด

Cold Cat Brewing

ส้มมะปี๊ด
(เครดิตภาพ Freepik)

โดยชื่อแบรนด์เกิดจากเล่นคำ ว่า Cold Crash (ขั้นตอนในการทำเบียร์) ผสมกับความชอบแมวอยู่แล้วจึงนำเอามาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ Cold Cat Brewing สำหรับเมนูของแบรนด์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องดื่ม Yuzu Mead สู่ไอเดียในการผลิตเบียร์จากผลไม้ท้องถิ่นของจันทบุรี อย่างส้มมะปี๊ด มารังสรรค์จนได้รสชาติที่ลงตัวในนาม Sommapeed Mead th

Laonan

ข้าวเหนียว
(เครดิตภาพ Freepik)

เล่าน่าน สุรากลั่นชุมชน จังหวัดน่าน ชื่อมาจากคำพ้องเดียวกับ “เหล้า” เสมือนการเล่าเรื่องจังหวัดน่าน ผ่านเครื่องดื่มในรูปแบบภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน จากภาพบนกล่องที่ปรากฏให้เห็นเป็นภาพ “ป้ออุ้ย” กำลังต้มเหล้าด้วยกรรมวิธีโบราณนั่นเอง

สุราของเล่าน่าน พัฒนามาจาก “สุราน้ำโมง” ที่แปรรูปมาจากผลผลิตทางการเกษตรอย่างข้าวเหนียว นำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก มีทั้งกลิ่นและรสชาติที่เฉพาะตัว ซึ่งถูกผลิตมาตั้งแต่ปี 2541 เคียงคู่กับบ้านโมง ตำบลผาตอ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน

SOD CHAENG

น้ำมะพร้าว
(เครดิตภาพ Freepik)

SOD CHAENG หรือ ซอดแจ้ง ที่แปลว่า ยันสว่าง สุราชุมชนจากจังหวัดอุบลราชธานี ที่ถูกกลั่นมาจากสมุนไพร, อ้อยสดและน้ำมะพร้าว รังสรรค์มาเป็น 3 เมนูเครื่องดื่มหลัก ดังนี้

  • SOD CHAENG GIN จินจากสมุนไพร 15 ชนิด : กลิ่นซิตรัสและกลิ่นหอมของดอกไม้จากดอกเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ ความนุ่มนวล ตามด้วยจูนิเปอร์และความสดชื่นของซิตรัส
  • SOD CHAENG RUM เหล้ารัมขาวอ้อยบริสุทธิ์ : สุรากลั่นจากธรรมชาติ 100% จากอ้อยอุบลราชธานี เรียบเนียนและเบา เหล้ารัมสีขาวระดับพรีเมี่ยมที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างสรรค์ค็อกเทลคลาสสิก หรือเมนูพิเศษอื่น ๆ เพลิดเพลินไปกับรสชาติอ้อยบริสุทธิ์ของเรา
  • SOD CHAENG COCONUT RUM สุราขาวจากอ้อยและกลิ่นหอมนวลของมะพร้าวน้ำหอม รัมบักพร้าว (iwsc เหรียญทองแดง) ผลิตจากรัมอ้อย 100% จากจังหวัดอุบลราชธานี ผสมกับน้ำมะพร้าว 100%

นอกจากจะใช้ผลิตผลจากในจังหวัด ซอดแจ้งยังร่วมมือกับศิลปินในจังหวัดออกแบบฉลากสีสันสุดเท่บนขวด ทำให้ได้ภาพลักษณ์สีสันสดใส กลายมาเป็นภาพจำของแบรนด์

Kilo

อ้อย
(เครดิตภาพ Freepik)

กิโลหรือ Kilo Spirits สุราชุมชนจากจังหวัดกระบี่ เริ่มก่อตั้งในปี 2560 โดยสามีชาวอังกฤษและภรรยาชาวไทยที่คบหากันมากว่า 20 ปี แบรนด์ใช้น้ำอ้อยสดคั้นจากเกษตรกรในจังหวัดรับสมัครเข้ามาเป็นพนักงาน

และใช้น้ำอ้อยมาเป็นวัตถุดิบหลักหมักให้เกิดแอลกฮอล์ จากนั้นนำไปกลั่นทั้งหมด 3 รอบเพื่อให้ได้แอลกอฮอล์ 95% แล้วจึงนำหัวเชื้อนี้ไปบ่มหรือเจือจางให้ได้กลิ่น รสชาติ และปริมาณแอลกอฮอล์ที่ต้องการต่อไป