“พาณิชย์” ฟันธง “ทรัมป์จับมือคิม” เดินหน้าสู่การรักษาสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี

พาณิชย์ฟันธง ทรัมป์จับมือคิม เดินหน้าสู่การรักษาสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี คาดส่งผลดีต่อการค้าโลกและไทยที่จะส่งออกไปตลาดนี้ได้มากขึ้น

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวถึงผลการประชุมระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับ นาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่มีขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 12 มิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา ว่า การลงนามในเอกสารที่ปธน. ทรัมป์ประกาศว่าจะนำไปสู่กลไกรักษาสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลีนั้น นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อการค้าโลกอย่างแน่นอน เพราะช่วยลดความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งเป็นจุดเปราะบางด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกมาตั้งแต่ปธน. ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งลงไปได้ระดับหนึ่ง ซึ่งการที่สองประเทศมีข้อตกลงระหว่างกันจะทำให้การค้าโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม ตลอดจนตลาดเงิน ตลาดทุน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งส่งผลดีต่อการส่งออกขอไทยในระยะยาว

ปัจจุบันการค้าโดยตรงระหว่างไทยและเกาหลีเหนือ มีมูลค่าน้อยมากที่ 2.38 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2560 (ข้อมูลจากกรมศุลกากร) คิดเป็นสัดส่วน 0.0005 ของมูลค่าการค้ารวมของไทยส่วนหนึ่งเป็นเพราะไทยปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติที่ห้ามค้าขายสินค้าบางประเภทกับเกาหลีเหนือ เช่น ถ่านหิน และน้ำมัน แต่หากเกาหลีเหนือมีการฟื้นฟูการค้ากับต่างประเทศ จะเป็นโอกาสให้ไทยขยายการส่งออกสินค้าศักยภาพของไทยที่ตลาดเกาหลีเหนือมีความต้องการได้มากขึ้น

สำหรับสินค้าที่มีโอกาส เช่น สินค้ากลุ่มอาหาร (ผลไม้แปรรูป และอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและปัจจัยสี่อื่นๆ (เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ในบ้าน) กลุ่มวัตถุดิบ/สินค้าที่ใช้ในภาคการผลิตและภาคก่อสร้าง (ยางพาราและผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล) เป็นต้น นอกจากการค้าขายกับเกาหลีเหนือโดยตรงที่น่าจะขยายตัวได้แล้ว การค้าขายสินค้ากับจีนที่เป็นสินค้าขั้นกลาง (intermediate) น่าจะเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีการห้ามค้าขายกับเกาหลีเหนือผ่านประเทศที่สามอยู่บางส่วน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสหรัฐฯ ยังไม่ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับเกาหลีเหนือ เพราะต้องการติดตามดูว่า เกาหลีเหนือจะปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ ดังนั้น ผู้ประกอบการและผู้ส่งออก-นำเข้าของไทย จึงยังควรติดตามสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง แต่ในภาพรวม สนค. มองว่าเป็นผลดีกับการค้าระหว่างประเทศโดยรวม และต่อการค้าไทยอย่างแน่นอน