ปัจจัยลบรุมเร้าฉุดดัชนีอุตฯขาลง “ส.อ.ท.” เผย 8 กลุ่มเสี่ยงไม่โตแถมติดลบ

industy

ส.อ.ท.ชี้ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยังเป็นขาลง ผลกระทบเศรษฐกิจทั้งใน-นอกรุมเร้าหนัก จี้รัฐตั้งวอร์รูมรับมือทรัมป์ 2.0 ชี้ทางรอด ต้องปรับตัวใช้ AI ช่วย เผย 18 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังไปได้ดี “น้ำตาล-ปิโตรฯ-ไม้-เครื่องสำอาง” ขณะที่อีก 8 กลุ่มยังไร้อนาคต ไม่โตแถมยังติดลบอีกต่างหาก

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปี 2568 แม้ว่าจะยังคงมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของไทย แต่ยังคงมีถึง 18 อุตสาหกรรมสามารถเติบโตได้จากทั้งหมด 47 กลุ่มอุตสาหกรรม โดย 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่โตได้ถึง 10% คือ ต่อเรือซ่อมเรือ น้ำตาล สำรวจและผลิตปิโตรเลียม อากาศยาน ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และยังมีอีก 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่โตได้ 6-10% คือ ไม้อัด ไม้บาง และวัสดุแผ่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

18 กลุ่มอุตฯได้อานิสงส์เงินนอก

ส่วนอีก 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่โตได้ 1-5% คือ ยาง โรงเลื่อยและโรงอบไม้ รองเท้า ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ ปูนซีเมนต์ และอีก 5 อุตสาหกรรมยังมีโอกาสโตแต่ไม่สามารถระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ได้คือ ยา หัตถกรรมสร้างสรรค์ แก้วและกระจก ก๊าซ เทคโนโลยีชีวภาพ โอกาสของการเติบโตจากทั้ง 18 กลุ่มอุตสาหกรรมนี้มาจากแนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศ ที่จะเริ่มเห็นความชัดเจนและจะส่งผลต่อซัพพลายเชนในประเทศ

ซึ่งที่สำคัญจะเห็นปัจจัยในประเทศที่มีผลบวกต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมคือ 1.กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้นและการท่องเที่ยวที่ขยายตัว 2.การจัดสรรงบฯ ลงทุนปี 2568 เพิ่มขึ้น 3.แนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ขยายตัว 4.การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ 5.การลงทุนใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงงานเพิ่มขึ้น

และยังมีปัจจัยจากต่างประเทศที่มีผลบวกต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมคือ 1.การส่งออกมีแนวโน้มขยายตัว 2.การเจรจาความตกลงการค้า FTA เพิ่มโอกาสการค้า 3.การย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทย 4.ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI 6.ความต้องการสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

8 กลุ่มไม่โตแถมลดอีกต่างหาก

ขณะที่ 8 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถโตได้ และยังคงมีแนวโน้มเติบโตลดลงคือ เครื่องนุ่งห่มที่คาดว่าจะหดตัว 1-5% การจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม หนังและผลิตภัณฑ์หนัง หลังคาและอุปกรณ์ ผู้ผลิตไฟฟ้า เป็นกลุ่มที่คาดว่าจะหดตัว 6-10% ส่วนเครื่องจักรกลและโลหการจะหดตัวมากถึง 10% ที่เหลือคือกลุ่มแกรนิตและหินอ่อน เครื่องจักรกลการเกษตร เป็นอุตสาหกรรมที่หดตัวมาก แต่ไม่สามารถประเมินได้เช่นกัน ทั้งนี้ ส่วนที่เหลืออีก 21 อุตสาหกรรมจะทรงตัว

ADVERTISMENT

หนี้ท่วมแถมเจอสินค้าถูกถล่ม

ปัจจัยน่ากังวลซึ่งมีผลต่ออุตสาหกรรมในปีนี้คือ ปัญหาหนี้ภาคธุรกิจและดอกเบี้ยเงินกู้สูง ต้นทุนการผลิตทรงตัวอยู่ในระดับสูง สินค้าราคาถูกที่ไม่มีมาตรฐานเข้ามาทุ่มตลาด ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีได้ทัน รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ส่วนปัจจัยน่ากังวลจากต่างประเทศคือ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้าสหรัฐ-จีน และมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Nontariff Measures : NTM/Nontariff Barriers : NTBs) และมาตรการ NTB การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดประเทศคู่ค้าของไทย มาตรการทางการค้าที่เกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด

ADVERTISMENT

“แนวทางที่เราจะรอดคือ ตัวผู้ประกอบการเองจะต้องปรับตัว อย่างพวกเอา AI มาใช้พัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรม เข้าไปเป็นซัพพลายเชนให้ได้ ลงทุนใช้พลังงานหมุนเวียน และต้องใช้แนวคิด ESG ใช้ BCG Model เพื่อไปสู่ Net Zero เราต้องรับมือกับหลายอย่างที่จะเกิดในปีนี้”

แนะรัฐตั้งวอร์รูมรับมือมะกัน

“ภาครัฐควรต้องตั้ง War Room รับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐ เพื่อลดผลกระทบกับภาคการส่งออกของไทยและรับมือกับผลกระทบทางอ้อม รวมทั้งหาตลาดใหม่ทดแทน รวมไปถึงการออกมาตรการเยียวยา SMEs ที่ได้รับผลกระทบด้วย