
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านโลหะและวัสดุ เป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมวัสดุ เพื่อตอบโจทย์สำคัญและความต้องการของผู้ใช้ ทั้งในเชิงพาณิชย์ และการพัฒนาสังคมและชุมชน สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน การเป็นสังคมผู้สูงอายุ และสอดคล้องเป้าหมายด้านความยั่งยืน ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
MTEC ต้องตอบโจทย์ธุรกิจ
รศ.ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการ ศูนย์เอ็มเทค กล่าวว่า โจทย์งานวิจัยต้องมองไปข้างหน้าให้นำเทรนด์ แต่ก็ต้องตอบโจทย์สำคัญที่เป็นอยู่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของความยั่งยืน เศรษฐกิจหมุนเวียน และเงื่อนไข Carbon Neutrality และ Net Zero กำลังกลายเป็นข้อบังคับของโลก งานวิจัยและพัฒนาจึงต้องตอบสนองภาคส่วนต่าง ๆ ของไทยให้ก้าวทันโลก
“ความสำคัญ คือ เอ็มเทคต้องทำตัวเองให้เป็นหน่วยธุรกิจ การทำงานต้องสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทำให้ภาคเอกชนนำไปต่อยอดในเชิงธุรกิจได้ ในทางกลับกัน ภาคธุรกิจมองเห็นความสำคัญของเอ็มเทค มีการส่งโจทย์มาให้เอ็มเทคช่วยวิเคราะห์วิจัย ซึ่งปัจจุบัน เอ็มเทคเน้นหนักภารกิจไปที่อาหารสำหรับวัยสูงอายุ โปรตีนจากพืช หรือ Plain Base พัฒนาวัสดุทดแทนการนำเข้า รวมถึงการพัฒนาอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่รองรับกระแสของโลก (World Living) ซึ่งคาดว่า ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะมีความสำคัญมากขึ้น”

ชิ้นงานต้องใช้ได้จริง
ปัจจุบันเอ็มเทคมุ่งเน้น 4 แนวทางการวิจัย ได้แก่ 1.การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีวัสดุ สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ 2.นวัตกรรมอุปกรณ์การแพทย์และสุขภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต 3.การพัฒนาเทคโนโลยีวัสดุและออกแบบสำหรับการผลิตสมัยใหม่และการขนส่ง 4.การพัฒนาวัสดุชีวภาพให้เป็นผลิตภัณฑ์สมบัติเฉพาะที่มีมูลค่าสูง ซึ่งทุกภารกิจจะมีเป้าหมายสำคัญคือ การนำผลงานของเอ็มเทคไปใช้ได้จริง และเกิดผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นวิจัยและพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับ สามารถใช้งานได้จริง มีอยู่มากมาย เช่น
Gunther IMU-แอป Janine
เป็นอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและแอปพลิเคชั่น ที่จะมีส่วนช่วยในการปรับท่าทางให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและปลอดภัย โดย Gunther IMU Sensor เป็นอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว แจ้งเตือนเมื่อเคลื่อนไหวผิดท่า โดยสวมใส่บริเวณหลังเพื่อวัดข้อมูลการเคลื่อนไหว มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สวมใส่ได้ทั้งวันในชีวิตประจำวัน ไม่รู้สึกรำคาญ ใช้งานง่ายด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว อุปกรณ์จะทำการแจ้งเตือนเมื่ออยู่ในท่าทางที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บด้วยการสั่นอย่างนิ่มนวล
ส่วน Janine Application เป็นแอปพลิเคชั่นแสดงผล ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานทุกวัย มีระบบแสดงผลท่าทางที่เกิดขึ้น มีการแนะนำท่าทางที่ถูกต้อง และตรวจประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม ประมวลผลและแสดงผลแบบเรียลไทม์ โดยจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่านบลูทูท ออกแบบเพื่อผู้ใช้งานทุกวัย
Med Logger
Med Logger เป็นอุปกรณ์ช่วยเตือนกินยาและปุุ่มกดขอความช่วยเหลือ ซึ่งจะเป็นผู้ช่วยให้กับผู้สูงอายุ และผู้ดูแล อุปกรณ์ดังกล่าวถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เพียงกดปุ่ม ไม่ต้องตั้งโปรแกรมล่วงหน้า อุปกรณ์จะเรียนรู้พฤติกรรมการกินยาของผู้ใช้ มีเสียงเตือนกรณีลืมทานยา รวมถึงการแจ้งเตือนผู้ดูแลโดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบความผิดปกติ ผ่านทาง LINE OA
Gate Sensor
เป็นอุปกรณ์ตรวจจับการเข้าออกห้อง เป็นผู้ช่วยของผู้ดูแลในการดูแลผู้สูงอายุ เฝ้าระวังผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพัง และแจ้งเตือนเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์แก่ผู้ดูแล ช่วยเฝ้าระวังความผิดปกติของการใช้เวลาในพื้นที่ เช่น ตรวจจับความเคลื่อนไหว เข้า-ออกใช้ห้องน้ำของผู้สูงอายุ ซึ่งในกรณีที่ผู้สูงอายุมีการเข้าห้องน้ำถี่กว่าปกติ ทั้งนี้ จะไม่มีการละเมิดความเป็นส่วนตัว ไม่บันทึกภาพและไม่บันทึกเสียง มีขนาดเล็ก ไม่เกะกะ ทำงานต่อเนื่องและเรียนรู้ตลอดเวลา เรียนรู้พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย และปรับเกณฑ์การตรวจความผิดปกติโดยอัตโนมัติ พร้อมแจ้งเตือนผู้ดูแลโดยอัตโนมัติ ผ่านทาง LINE OA
ชุด Rachel
เป็นนวัตกรรมที่ทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ลักษณะเป็นบอดี้สูท ตัดเย็บด้วยผ้าที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นแตกต่างกัน ออกแบบวัสดุให้เสริมแรงให้กล้ามเนื้อบริเวณต้นขา สะโพก และหลัง ในกิจกรรมลุกยืน เดิน ยกของ อย่างเป็นธรรมชาติ และปรับโครงสร้างร่างกายให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม สวมใส่ได้สบาย เนื้อวัสดุระบายอากาศได้ดี มีความนุ่ม ใส่ได้ทั้งวัน ไม่อึดอัด โดยนวัตกรรมนี้เป็นการวิจัย โดยมีเอกชน คือ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นพันธมิตร ซึ่งคาดว่า จะมีการผลิตเชิงการค้าอีกด้วย
Ve-Chick
เป็นผลิตภัณฑ์เนื้อไก่จากโปรตีนพืช รสชาติและสัมผัสเหมือนรับประทานเนื้อไก่จริง ให้โปรตีนสูง ไฟเบอร์สูง ไม่มีคอเลสเตอรอล เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการจัดเรียงโครงสร้างของอาหารให้มีลักษณะเป็นเส้นใย เหมือนกับเนื้อไก่ ควบคู่ไปกับการปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติให้เหมือนจริง ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ผู้ประกอบการแล้ว 3 ราย ได้แก่ บริษัท ปรายา ควอลิตี้ จำกัด บริษัท กรีน สพูนส์ จำกัด และบริษัท บี ไอ จี เนเชอรัล กรีน จำกัด ผลิตภัณฑ์มี 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบผงสำเร็จรูป (Premix) สำหรับนำไปขึ้นรูปเป็นชิ้น รูปแบบต่าง ๆ ก่อนนำไปปรุงอาหาร แบบกึ่งสาเร็จรูป (Precooked) มีลักษณะเป็นชิ้น
Magik Growth
เทคโนโลยีเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร พัฒนาด้วยเทคโนโลยีการขึ้นรูปน็อนวูฟเวนชนิดสปันบอนด์ (Spunbond Nonwoven) ที่เพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้วัสดุเพื่อประยุกต์การใช้ในงานด้านการเกษตร โดยออกแบบตามลักษณะการใช้งาน ได้แก่ 1.ถุงปลูก ช่วยให้ระบบรากพืชเจริญเติบโตได้ดี แตกแขนงเป็นรากฝอยและรากขนไม่ขดตัว ทำให้ดูดซับอาหารได้มากขึ้น ผลผลิตสูงขึ้น 2.ถุงห่อผลไม้ ช่วยป้องกันแมลงศัตรูพืชและสัตว์กัดแทะ ลดการใช้สารเคมี เพิ่มคุณภาพผลผลิต
3.วัสดุคลุมแปลง ช่วยลดการสะสมความร้อนในดิน เพิ่มประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสงของพืช นอกจากนี้ วัสดุ Magik Growth สามารถถ่ายเทน้ำและอากาศได้ดี มีอายุการใช้งานถึง 3 ปี เหมาะสำหรับชาวสวนผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็นสินค้าดาวรุ่งของไทย ที่ได้รับความนิยมสูง และมีการส่งออกถึงปีละกว่าแสนล้านบาท
Epidermal Growth Factor
เป็นนวัตกรรมสารออกฤทธิ์สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและบาดแผลของผู้สูงอายุ และผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ โดยสารชีววัตถุ Epidermal Growth Factor (EGF) เหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน เร่งการหายของบาดแผล โดยเฉพาะแผลเบาหวาน แผลกดทับ และแผลไฟไหม้ ผลิตโดยเทคโนโลยชีวภาพขั้นสูง เพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของคนไทย เนื่องจากผลิตภัณฑ์รักษาแผลที่มีสารชีววัตถุต้องนำเข้าและมีราคาสูง ทำให้การเข้าถึงของคนไข้มีอย่างจำกัด
ผลงานวิจัยแต่ละชิ้น ล้วนผ่านการพัฒนาจนสามารถใช้งานได้จริง ซึ่งเชื่อว่า จะได้รับความสนใจ นำไปต่อยอดนำออกสู่ตลาดให้ผู้บริโภคได้ใช้ในไม่ช้า