ลุยเจาะตลาดมันสำปะหลัง ส่งออกฟื้นตัวในรอบ 14 เดือน หนุนราคาดีขึ้น

กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าเจาะตลาดใหม่ ดันส่งออกมันสำปะหลังต่อเนื่อง พบส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยในเดือนธันวาคม 2567 กลับมาฟื้นตัวในรอบ 14 เดือน ส่งออกจีนขยายตัว 25.1% ขณะที่กรมการค้าภายในระบุ ราคามันสำปะหลังขยับ 2.10-2.45 บาทต่อกิโลกรัม

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และในฐานะ
โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2568 เริ่มทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเร่งแก้ไขปัญหาด้านราคาให้แก่เกษตรกร ทั้งเพิ่มการใช้ภายในประเทศ รวมทั้งเร่งเดินหน้าขยายตลาดส่งออก เจาะตลาดในอุตสาหกรรมใหม่ที่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ

โดยเมื่อต้นเดือนมกราคม 2568 กรมการค้าต่างประเทศ ได้จัดคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเดินทางไปขยายตลาดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยที่เซี่ยงไฮ้และเฉิงตู เน้นอุตสาหกรรมขั้นปลายที่มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมแอลกอฮอล์ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมกาว และอุตสาหกรรมกระดาษ ซึ่งจะมีผลต่อ การยกระดับราคามันสำปะหลังภายในประเทศ

อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งดำเนินมาตรการดูแลราคาสินค้ามันสำปะหลัง โดยผลักดันทั้งการใช้ภายในประเทศและขยายตลาดส่งออก สำหรับตลาดในประเทศ ได้ร่วมกับหอการค้าไทยและสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง ตั้งเป้ารับซื้อมันสำปะหลัง 2.5 ล้านตันหัวมันสด หรือคิดเป็น 1 ล้านตันมันเส้น ผลักดันเพิ่มการใช้มันสำปะหลังในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์ ให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์หันมาปรับใช้มันเส้นในสูตรอาหารมากขึ้น และได้เร่งดำเนินการเปิดจุดรับซื้อเพื่อสามารถเข้าซื้อผลผลิตได้ทันที

ในส่วนของตลาดส่งออก ที่ผ่านมา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ขอให้ผู้นำเข้าจีนช่วยรับซื้อมันสําปะหลังของไทยที่ผลผลิตกำลังทยอยออกสู่ตลาดมาก และยังได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกประชาสัมพันธ์เดินหน้าหาตลาดให้สินค้ามันสำปะหลังของไทย ตลอดจนผลักดันให้มีการนำเข้าสินค้าแปรรูปจากมันสำปะหลังที่มีมูลค่าสูง เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกและดูแลเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังให้ทันต่อสถานการณ์ ส่งผลให้การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทยไปจีนในเดือนธันวาคม ขยายตัวร้อยละ 25.1 และการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยในภาพรวม ขยายตัวร้อยละ 7.8

ส่งออกมันขยับตัว

การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยในเดือนธันวาคม 2567 กลับมาขยายตัวในรอบ 14 เดือน อยู่ที่ร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญที่มูลค่าการส่งออกในเดือนธันวาคมขยายตัว ได้แก่ จีน (ขยายตัวร้อยละ 25.1) สหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 14.8) อินโดนีเซีย (ร้อยละ 55.9) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 9.3) และเนเธอร์แลนด์ (ร้อยละ 72.6)

ADVERTISMENT

สำหรับภาพรวมปี 2567 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นมูลค่า 3,133.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (110,276 ล้านบาท) หดตัวร้อยละ 15.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมูลค่าการส่งออกแป้งมันสำปะหลัง และเด็กตริน/โมดิไฟด์สตาร์ชอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 8.2 และร้อยละ 1.8 ตามลำดับ ในส่วนของมันสำปะหลังอัดเม็ด/มันเส้น และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่น ๆ (อาทิ สาคูจากแป้งมันสำปะหลัง กากมันสำปะหลัง) มูลค่าการส่งออกหดตัวร้อยละ 59.3 และร้อยละ 25.6 ตามลำดับ

สำหรับตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) จีน (สัดส่วนร้อยละ 51.4 ของมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมด) (2) ญี่ปุ่น (สัดส่วนร้อยละ 9.4) (3) อินโดนีเซีย (สัดส่วนร้อยละ 7.4) (4) ไต้หวัน (สัดส่วนร้อยละ 5.1) (5) และมาเลเซีย (สัดส่วนร้อยละ 4.1) ตามลำดับ

ADVERTISMENT

ผู้ผลิตอาหารสัตว์ใช้มันเส้นเพิ่มขึ้น 15%

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากความร่วมมือกับภาคเอกชนและหอการค้าไทยเมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา ถึงการผลักดันการใช้มันเส้นภายในประเทศในการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น ทดแทนการพึ่งตลาดส่งออก โดยเฉพาะมันเส้นที่สามารถเชื่อมโยงไปยังผู้ใช้ในภาคการผลิตอาหารสัตว์เพื่อผู้เลี้ยงสัตว์ในประเทศได้ ซึ่งผู้ผลิตเองมีความยินดีที่จะใช้มันเส้นเพิ่มขึ้นในสูตรอาหารสัตว์ เพราะมันเส้นของไทยมีการพัฒนาขึ้นมาก

รวมทั้งราคาขณะนี้ก็สามารถใช้ได้ในสูตรอาหารสัตว์ในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น โดยภายหลังความร่วมมือดังกล่าว กรมได้ติดตามสถานการณ์และความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง

วิทยากร มณีเนตร
วิทยากร มณีเนตร

ล่าสุดได้รับข้อมูลจากผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ของไทยว่ามีการใช้มันเส้นเพิ่มขึ้นในการผลิตอาหารสัตว์ โดยในเดือนมกราคม 2568 นี้ มีการใช้มันเส้นเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมที่ผ่านมาถึง 15% และมีความตั้งใจที่จะผลักดันให้มีการใช้มันเส้นในประเทศเต็มที่ คาดว่าจะสามารถใช้เพิ่มขึ้นได้อีก 15% ใน 2-3 เดือนหน้า “ถือเป็นข่าวดีที่อุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์ โดยเฉพาะผู้ผลิตรายใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบภายในประเทศแทนการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ

โดยเฉพาะมันสำปะหลังที่ขณะนี้มีราคาอยู่ในระดับที่ผู้ผลิตสามารถปรับสูตรการผสมอาหารสัตว์แล้วจะทำให้สามารถใช้มันสำปะหลังเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมได้ ซึ่งผู้ผลิตเองก็ได้มีการปรับสูตรไว้รองรับแล้ว หลังจากนี้จะหารือร่วมกับผู้ผลิตรายอื่นในอุตสาหกรรมต่อไป ซึ่งการใช้วัตถุดิบในประเทศจะส่งผลดีต่อผู้ผลิตเพราะมีความเสถียรภาพด้านราคาและอุปทานมากกว่า และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยดูดซับผลผลิตและช่วยเหลือเกษตรกรได้

ซึ่งขณะนี้เรามีผู้ผลิตมันเส้นสะอาดกว่า 40 รายทั่วประเทศ จากความร่วมมือของสมาคมผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่สามารถผลิตมันเส้นให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ โดยกรมการค้าภายในและสมาคม จะร่วมกันดูแลการซื้อขาย ทั้งเรื่องคุณภาพและราคา ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้สถานการณ์มันสำปะหลังในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น” นายวิทยากรกล่าว

ราคาหัวมัน 2.28 บาทต่อกิโลกรัม

สำหรับราคาหัวมันสำปะหลังสดเชื้อแป้ง 25% ขณะนี้เฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ราคา 2.28 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับในบางพื้นที่ที่ราคามันสำปะหลัง 2.10-2.45 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาก่อนหน้าภาวะสงครามรัสเซียยูเครนเมื่อปี 2564 ที่เฉลี่ย 2.41 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับในบางพื้นที่ที่มีปัญหาเกษตรกรขายได้ในราคาที่ต่ำกว่าในพื้นที่อื่น กรมการค้าภายในจะร่วมกับ อคส. จัดหาผู้รับซื้อจากนอกพื้นที่เพื่อเข้าไปรับซื้อเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดเกิดการแข่งขันต่อไป