
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว จากการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหภาพยุโรป แคนาดา และเม็กซิโก
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับเพิ่ม หลังตลาดยังคงกังวลผลกระทบจากประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้เรียกร้องเพิ่มภาษีการนำเข้าที่ระดับ 25% ต่อสหภาพยุโรป แคนาดา และเม็กซิโก และคาดจะเริ่มมีผลวันที่ 1 ก.พ. 68 ทั้งนี้ ตลาดน้ำมันดิบคาดจะตึงตัวมากขึ้นในระยะสั้นจากการนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศดังกล่าวลดลง อย่างไรก็ดี การตั้งกำแพงภาษีอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง
Baker Hughes เผยจํานวนแท่นขุดเจาะนํ้ามันดิบสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 24 ม.ค. 68 ปรับลดลง 6 แท่นจากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ระดับ 472 แท่น ขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ปรับเพิ่มขึ้น 1 แท่น อยู่ที่ระดับ 99 แท่น
อุปทานน้ำมันดิบสหรัฐปรับเพิ่ม สร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันดิบ หลังบริษัท Chevron ได้เริ่มดำเนินการผลิตน้ำมันดิบของโครงการขยายแหล่งผลิตน้ำมัน The Giant Tengiz มูลค่า 48 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้งนี้กำลังการผลิตหลังจากขยายโครงการจะเพิ่มขึ้น 0.26 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคิดเป็น 1% ของอุปทานน้ำมันดิบสหรัฐ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินทรงตัวสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับลด หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินจีนปรับเพิ่มก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่โรงกลั่นเกาหลีใต้ 0.33 ล้านบาร์เรลต่อวัน มีแผนปิดปรับปรุงซ่อมบำรุงช่วง ก.พ. 68 อย่างไรก็ตาม สต๊อกน้ำมันเบนซินสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ม.ค. 68 ปรับเพิ่ม 2.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 245.9 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสิงคโปร์ส่งออกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 22 ม.ค. 68 ปรับเพิ่ม 35.54% แตะระดับ 0.43 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงเป็นสัปดาห์ที่ 8 อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สต๊อกน้ำมันดีเซลสิงคโปร์ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ม.ค. 68 ปรับลด 0.67% สู่ระดับ 9.08 ล้านบาร์เรล