
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยยอดจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ส่งสัญญาณบวก เดือนธันวาคม 2567 มียอดจัดตั้งใหม่เพิ่มขึ้น 9.18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตลอดปี 2567 จัดตั้งใหม่สูงสุดในประวัติศาสตร์ 87,596 ราย และมีธุรกิจทุนจดทะเบียนสูงเกิน 1 พันล้านบาท จำนวน 15 ราย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนธันวาคม 2567 และภาพรวมตลอดปี 2567 พบว่า เดือนธันวาคม 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 4,377 ราย เพิ่มขึ้น 368 ราย (9.18%) เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2566 (4,009 ราย) และทุนจดทะเบียน 22,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,281 ล้านบาท (46.63%) เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2566 (15,614 ล้านบาท)
ทั้งนี้ ธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 329 ราย ทุนจดทะเบียน 1,349 ล้านบาท 2) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 309 ราย ทุนจดทะเบียน 650 ล้านบาท และ 3) ธุรกิจการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง (ยกเว้นออนไลน์) จำนวน 226 ราย ทุนจดทะเบียน 108 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.52% 7.06% และ 5.16% ของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจในเดือนธันวาคม 2567 ตามลำดับ
ขณะที่ การจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั้งปี 2567 มีจำนวน 87,596 ราย เพิ่มขึ้น 2,296 ราย (2.69%) เมื่อเทียบกับปี 2566 (85,300 ราย) ทุนจดทะเบียน 285,745 ล้านบาท ลดลง 276,724 ล้านบาท (49.20%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 (562,470 ล้านบาท)
สำหรับธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 6,636 ราย ทุนจดทะเบียน 14,881 ล้านบาท 2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 6,542 ราย ทุนจดทะเบียน 30,323 ล้านบาท และ 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 4,025 ราย ทุนจดทะเบียน 8,120 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.58% 7.47% และ 4.59% ของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจในปี 2567
ตลอดทั้งปี 2567 มีนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ที่มีทุนจดทะเบียนสูงเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 15 ราย ทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 45,558 ล้านบาท เช่น ธุรกิจ Data Center, รับเหมาก่อสร้างอาคาร, ค้าส่งและค้าปลีก และโรงพยาบาล เป็นต้น
จดทะเบียนเลิก
การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวน 6,065 ราย เพิ่มขึ้น 543 ราย (9.83%) เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2566 (5,522 ราย) และมีทุนจดทะเบียนเลิก 35,102 ล้านบาท ลดลง 17,226 ล้านบาท (32.92%) เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2566 (52,328 ล้านบาท) ในจำนวนนี้มีธุรกิจเลิกประกอบกิจการที่ทุนจดทะเบียนสูงเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 3 ราย คิดเป็นทุนจดทะเบียน 15,571 ล้านบาท
สำหรับประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 536 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 925 ล้านบาท 2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 300 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 2,175 ล้านบาท และ 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 205 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 468 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.84% 4.94% และ 3.38% ของจำนวนการเลิกประกอบธุรกิจในเดือนธันวาคม 2567 ตามลำดับ
ขณะที่ การจดทะเบียนเลิกทั้งปี 2567 มีจำนวน 23,679 ราย เพิ่มขึ้น 299 ราย (1.28%) เมื่อเทียบกับปี 2566 (23,380 ราย) ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 171,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,124 ล้านบาท (6.95%) เมื่อเทียบกับปี 2566 (160,056 ล้านบาท)
ทั้งนี้ ธุรกิจที่มีการจดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 2,146 ราย ทุนจดทะเบียน 4,761 ล้านบาท 2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,238 ราย ทุนจดทะเบียน 16,885 ล้านบาท และ 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 805 ราย ทุนจดทะเบียน 1,994 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.06% 5.23% และ 3.40% ของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจในเดือนปี 2567
สำหรับการจดทะเบียนเลิกของนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนสูงเกิน 1,000 ล้านบาท ในปี 2567 มีจำนวน 13 ราย ทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 85,839 ล้านบาท เช่น ธุรกิจโทรคมนาคม, ขายสิทธิการเช่าห้องชุดพักอาศัย/ให้เช่าห้องชุดพักอาศัย, โรงงานผลิต ซื้อ และจำหน่าย ให้เช่าเทปคาสเซต แผ่นเสียง แถบบันทึกเสียงฯ และบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการ เป็นต้น
ธุรกิจที่ยังดำเนินกิจการ
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567) มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 1,964,829 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 30.56 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่จำนวน 928,290 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22.40 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็นบริษัทจำกัดจำนวน 730,542 ราย หรือ 78.70% ของจำนวนนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 16.29 ล้านล้านบาท
ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจำนวน 196,266 ราย หรือ 21.14% ของจำนวนนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 0.44 ล้านล้านบาท และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,482 ราย หรือ 0.16% ของจำนวนนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 5.67 ล้านล้านบาท
ภาพรวมของสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งและจดเลิกในปี 2567 ยังอยู่ในทิศทางที่ดี การจดทะเบียนจัดตั้งปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) มีจำนวน 87,596 ราย ซึ่งมีอัตราการจัดตั้งเพิ่มขึ้นจากปี ที่ผ่านมา (ม.ค.-ธ.ค. 66) คิดเป็น 3% คาดว่าจากสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและของโลกที่ได้รับ แรงหนุนหลักทั้งจากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนของภาครัฐ และการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวอาจยังถือได้ว่าต่ำกว่าศักยภาพเดิมและต้องเผชิญกับความเสี่ยงอยู่ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ด้วยเหตุนี้ภาครัฐและเอกชน จึงจำเป็นต้องเตรียมมาตรการรับมือและปรับตัวเชิงรุก ทั้งด้านการสนับสนุนทางการเงิน การลงทุนในเทคโนโลยี การพัฒนาแรงงาน การขยายตลาดส่งออก รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในเวทีโลก
คาดจดทะเบียนปี 2568
นางอรมน กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ได้คาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยไว้ที่ 2.3-3.3% และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกไว้ที่ 3.0% จากการเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน รวมทั้งการจัดกิจกรรมและเทศกาลสำคัญภายในประเทศ การขยายตัวของการลงทุน ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ การขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ
และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้า ผนวกกับเมื่อพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ยังคงต้องติดตาม ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาตร์ ความไม่แน่นอนของนโยบายของประเทศมหาอำนาจอย่างต่อเนื่อง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงคาดการณ์ยอดการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจปี 2568 จะใกล้เคียงกับปี 2567 โดยมีการจดทะเบียน จัดตั้งธุรกิจ อยู่ระหว่าง 90,000-95,000 ราย