
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังทรัมป์เรียกร้อง OPEC+ ลดราคาน้ำมันดิบ ประกอบกับเศรษฐกิจจีนที่ยังคงอ่อนแอ
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับลดราว 2% หลังประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้กลุ่ม OPEC+ ลดราคาน้ำมันดิบ เพื่อที่จะยุติสงครามระหว่างรัสเซีย ยูเครนได้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ OPEC+ มีแผนที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเดือน เม.ย. 68 ซึ่งจะทำให้อุปทานน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง สอดคล้องกับข้อเรียกร้องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 27 ม.ค. 2567 อยู่ที่ 73.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.49 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 77.08 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.42 เหรียญสหรัฐ
เศรษฐกิจจีนยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง หลังตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 49.1 เทียบกับเดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 50.1 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน ส.ค. 67 ขณะที่ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อส่วนที่ไม่ใช่ภาคอุตสาหกรรมปรับลดเช่นเดียวกัน โดยเดือน ม.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 50.2 เทียบกับเดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 52.2 สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังคงเปราะบาง
สหรัฐถอนคำตัดสินใจที่จะคว่ำบาตร และตั้งกำแพงภาษีโคลอมเบีย หลังโคลอมเบียยอมรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศจากสหรัฐกลับประเทศ รวมถึงประเทศในอเมริกาใต้อื่น ๆ ก็ยอมรับเงื่อนไข เพื่อแลกกับการไม่ถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐ ซึ่งข้อตกลงนี้จะทำให้สหรัฐและโคลอมเบียยังสามารถดำเนินการค้าขายระหว่างประเทศได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีให้กับภาวะเศรษฐกิจ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินจีนปรับเพิ่มก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนที่ยังคงเปราะบางยังคงเป็นปัจจัยกดดันความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลสำหรับทำความร้อนในสหรัฐปรับลด หลังจากผ่านช่วงหนาวสูงสุดของสหรัฐแล้ว อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันดีเซลสหรัฐตึงตัวมากขึ้น หลังโรงกลั่นในสหรัฐ ขนาด 0.28 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปิดปรับปรุงซ่อมบำรุง เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ม.ค. 68