ส.อ.ท. สรุปยอดรถยนต์ปี’67 ส่งออกวูบ 8.8% ตั้งเป้าปีนี้ผลิต 2.5 ล้านคัน

ส.อ.ท. สรุปยอดรถยนต์ปี'67

ส.อ.ท. สรุปตัวเลขรถยนต์ปี 2567 เผยยอดผลิตลดลง 9.47% ส่วนส่งออกลดลง 8.8% ส่วนปี 2568 ตั้งเป้ายอดผลิต 1.5 ล้านคัน โต 2.11% ส่งออก 1,000,000 คัน และจำหน่ายในประเทศ 500,000 คัน หวั่น “ทรัมป์” คุมเข้มนำเข้ารถยนต์ อีวีจีนทุ่มตลาด

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของสมาชิกกลุ่ม ในปี พ.ศ. 2568 โดยแยกเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ดังนี้

สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์

ตั้งเป้าปี’68 ผลิต 1.5 ล้านคัน

ประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี พ.ศ. 2568 ประมาณ 1,500,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ. 2567 ซึ่งมีจำนวน 1,468,997 คัน เพิ่มขึ้น 2.11% โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 1,000,000 คัน เท่ากับ 66.66% ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 500,000 คัน เท่ากับ 33.34% ของยอดการผลิตทั้งหมด

ผลิตส่งออก 1 ล้านคัน

สำหรับผลิตเพื่อการส่งออก จำนวน 1,000,000 คัน ปีที่แล้วที่ผลิตได้ 1,009,141 คัน ลดลง 0.91% โดยมีปัจจัยบวก ดังนี้

  • การขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกาในระยะสั้นไม่สูงมากนัก อาจจะไม่กระทบมูลค่าการค้าโลกมากดังที่กังวลกัน ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
  • อัตราดอกเบี้ยอาจลดลงและราคาน้ำมันอาจลดลงทำให้อำนาจซื้อของประเทศคู่ค้าสูงขึ้นส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น ต้องติดตามว่าลดลงมากน้อยแค่ไหน
  • ติดตามสงครามในภูมิภาคต่าง ๆ ว่ายุติได้หรือไม่ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจใช้เงินของประชาชนในประเทศต่าง ๆ

ปัจจัยลบ ดังต่อไปนี้

  • ความชัดเจนในมาตรการด้านการค้าและอื่น ๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าจะขึ้นภาษีากรนำเข้าอีกมากน้อยแค่ไหน
  • คู่แข่งในประเทศคู่ค้ามีมากขึ้น
  • ประเทศคู่ค้ามีการผลิตรถกระบะซึ่งอาจลดคำสั่งซื้อและอาจส่งออกแทนประเทศไทยจากการผลิตรถกระบะลดลง
  • ความขัดแย้งและการสู้รบในภูมิภาคต่าง ๆ อาจขยายเพิ่มขึ้นทั้งภูมิภาคเดิมและภูมิภาคใหม่
  • มาตรการเข้มงวดการปล่อยคาร์บอนของรถยนต์ของประเทศคู่ค้าที่ทำให้รถยนต์บางรุ่นนำเข้าไม่ได้

ผลิตขายในประเทศ 5แสนคัน

ส่วนผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 500,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.73%

ADVERTISMENT

ปัจจัยบวก ดังต่อไปนี้

  • การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโครงการ EV 3.0 ในอัตรา 1.5 เท่า
  • เศรษฐกิจในประเทศขยายตัว 2.4-2.9%
  • คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปี’67
  • ส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมบางกลุ่มขยายตัวเพิ่มขึ้น
  • การแจกเงินของรัฐบาลให้กลุ่มต่าง ๆ
  • การกระตุ้นเศรษฐกิจ e-Receipt
  • การลงทุนของภาครัฐ
  • ปี’67 มีผู้ขอรับส่งเสริมการลงทุนในประเทศสูงถึง 1.12 ล้านล้านบาทสูงที่สุดในรอบสิบปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 จากปี’66 โดยยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ 102,366 ล้านบาท
  • จะมีการลดดอกเบี้ยในประเทศซึ่งจะทำให้ต้นทุนและภาระการชำระหนี้ลดลงช่วยเพิ่มอำนาจซื้อในประเทศ
  • ราคาน้ำมันอาจลดลงจากการเรียกร้องของประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งจะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนการดำเนินงานลดลง อำนาจซื้อของประชาชนมากขึ้น

ปัจจัยลบ ดังต่อไปนี้

ADVERTISMENT
  • ความเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะมาตรการการปล่อยสินเชื่อแบบรับผิดชอบจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
  • สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนอาจจะไม่รุนแรงซึ่งจะทำให้การย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนมายังประเทศไทยชะลอตัวลงได้เพราะประเทศไทยได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาซึ่งจะส่งผลกระทบการจ้างงานในประเทศไทย
  • หนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงอาจจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

ตั้งเป้าผลิตรถจักรยานยนต์ 2.1 ล้านคัน

ประมาณการการผลิตรถจักรยานยนต์ในปี พ.ศ. 2568 ประมาณ 2,100,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ. 2567 ซึ่งมีจำนวน 1,487,605 คัน เพิ่มขึ้น 0.10% โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 400,000 คัน เท่ากับ 19.04% ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 1,700,000 คัน เท่ากับ 80.96% ของยอดการผลิตทั้งหมด

* ผลิตเพื่อการส่งออก จำนวน 400,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 0.10%
* ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 1,700,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ 14.28%

ปี’67 ยอดส่งออกรถยนต์ลด 8.8%

จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-ธันวาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,468,997 คัน ลดลง 19.95% จากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2566

ส่วนจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนธันวาคม 2567 มีทั้งสิ้น 104,878 คัน ลดลง 17.37% จากเดือนธันวาคม 2566 ลดลงจากการผลิตขายในประเทศลดลง 28.50% ตามยอดขายในประเทศที่ลดลง และผลิตส่งออกลดลง 9.47% ตามยอดส่งออกที่ลดลง

ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์ของทั้งปี’67 อยู่ที่ 1,019,213 คัน ลดลง 8.80% จากปี’66 และมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 952,550.17 ล้านบาท ลดลง 2.08% จากปี’66

สำหรับมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม-ธันวาคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 952,550.17 ล้านบาท ลดลง 2.08% จากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2566

ด้านมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม-ธันวาคม 2567 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 68,464.95 ล้านบาท ลดลง 6.74% จากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2566

ทั้งนี้ รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ เดือนมกราคม-ธันวาคม 2567 มีทั้งสิ้น 1,021,015.12 ล้านบาท ลดลง 2.41% จากปี 2566

สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน ธ.ค. 67 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,016 คัน ลดลง 20.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนสูง หนี้เสียรถยนต์ยังเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลงโดยทำให้แรงงานมีอำนาจซื้อลด

ส่วนทั้งปี’67 รถยนต์มียอดขาย 572,675 คัน ลดลง 26.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน