ราคาข้าวเปลือกร่วง บางจังหวัดเหลือตันละ 6 พัน การค้าภายในค้าคุมเข้มซื้อ-ขาย

ราคาข้าวขาวร่วงแรง บางจังหวัดเหลือตันละ 6,000 บาท กรมการค้าภายในค้า สั่งพาณิชย์จังหวัดจับตาราคาซื้อขายเป็นธรรม

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน ได้ติดตามสถานการณ์ราคาข้าวเปลือก ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้ดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขาย พบว่า ข้าวหอมมะลิ ตันละ 16,000 บาท ราคาอยู่ในเกณฑ์ดีทรงตัวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปีก่อน และอยู่ในระดับสูงกว่าข้าวฤดูการผลิต ปี’66/67

ในขณะที่ข้าวเปลือกเหนียว ราคาปรับตัวสูงขึ้นราคาเฉลี่ยตันละ 13,000 บาท เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ปริมาณข้าวในสต๊อกของโรงสีลดลง โรงสีจึงเสนอราคารับซื้อสูงขึ้น เพื่อจูงใจให้เกษตรกรนำข้าวออกมาจำหน่าย

สำหรับข้าวเจ้า พบว่า ราคาปรับตัวลดลง มาอยู่ที่ตันละ 8,500-9,400 จากราคาตลาดโลกของผู้ส่งออกรายใหญ่อินเดียกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้ง ทำให้ระดับราคาตลาดโลกลดลง ประกอบกับผลผลิตนาปรังจะออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนมีนาคม-เดือนเมษายน 2568 ซึ่งยังต้องติดตามสถานการณ์การส่งออกข้าวขาวอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ยังเป็นราคาที่อยู่ในเกณฑ์ปกติเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่อินเดียส่งออกเฉลี่ยปี 2564 ที่ตันละ 8,500 บาท

นายวิทยากร กล่าวว่า กิจกรรมการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก ปีการผลิต 2567/68 ได้ช่วยยกระดับราคาข้าวหอมมะลิให้พี่น้องชาวนาในหลายพื้นที่ มีทางเลือกในการขายข้าวเพิ่มขึ้น และได้รับความเป็นธรรมด้านราคาตามคุณภาพ สำหรับข้าวเจ้าที่จะออกสู่ตลาดต่อเนื่อง ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดและสำนักงานชั่งตวงวัด ได้ตรวจสอบการซื้อขายการชั่งน้ำหนักให้ถูกต้องเที่ยงตรง ให้พี่น้องชาวนาขายข้าวได้ราคาตามคุณภาพ

ADVERTISMENT

ด้านนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยกว่าถึงกรณีที่ ราคาข้าวเจ้าที่ในบางพื้นที่อยู่ในระดับต่ำ ว่าเป็นเพราะเป็นข้าวเขียว ข้าวกระทบร้อนและหนาวสลับกัน ทำให้ได้ข้าวไม่เต็มเม็ด ราคาจึงอยู่ประมาณตันละ 6,000 กว่าบาท เช่น จ.พิจิตร พิษณุโลก และสุโขทัย ในขณะที่จังหวัดอื่น พระนครศรีอยุธยาและเขตภาคกลาง ราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี ราคาข้าวสดเกิน 8,000 บาท ขึ้นไป

นายวิทยากร กล่าวว่า ขอฝากไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสถานการณ์ที่ข้าวแข่งขันกันรุนแรงในตลาดโลก ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่ที่สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และในเรื่องของการพัฒนาแหล่งน้ำ และเรื่องปุ๋ยที่เป็นต้นทุนหลักของชาวนาให้มีราคาที่ถูกลง

ADVERTISMENT