
ซีอีโอโออาร์ “ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่” เปิดวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนโออาร์สู่ Oil Hub ทุ่มงบฯลงทุน 5 ปี 60,000 ล้าน ปูพรมทั้ง Mobility และ Lifestyle เพิ่มสถานีชาร์จ EV อีกพันแห่ง ชี้กัมพูชาเป็นบ้านที่สอง ขณะที่หยุดขยายเมียนมา ลั่นทวงคืนมาร์เก็ตแชร์ให้ได้เท่าเดิม 38% จากที่หล่นมาเหลือ 35% ยุติกิจการ Texas Chicken ขายทิ้ง Kouen เพื่อหยุดขาดทุน
หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ประกาศวิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินธุรกิจหลังจากเข้ารับตำแหน่ง CEO คนใหม่ว่า มีหลายคนสอบถามว่าทำไมถึงตัดสินใจที่จะสมัครตำแหน่ง CEO OR ด้วยการทำงานของ ปตท.ตั้งแต่สายงานปิโตรเคมี ทั้งงานแผน สายงานขาย ผู้ช่วยนโยบายทางด้านเศรษฐกิจมากว่า 40 ปี อยากที่จะท้าทายตนเอง แชลเลนจ์อะไรใหม่ ๆ ด้วยการเข้ามาดูงานและเข้าทำงานในสายงานด้านน้ำมัน
นอกจากนี้ เหตุผลหลัก ๆ เลยคือ คนนอกกลุ่ม ปตท. ไม่มีใครมั่นใจใน OR เลย เราจึงอยากพัฒนาตัวเอง ช่วยให้คนภายนอกกลุ่มมีความมั่นใจในความสามารถและศักยภาพของ OR รวมถึงบริษัทในกลุ่มมากขึ้น เพราะว่าถ้าดูจากกราฟ Set Market เราโตน้อยมาก เลยอยากทำให้ OR โตมากขึ้น
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจและวิสัยทัศน์หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ยังคงสานต่อวิสัยทัศน์ Empowering All Toward Inclusive Growth หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน” ซึ่งเป็นการสานต่อนโยบายเดิมจากซีอีโอคนก่อน เนื่องจากมองว่า วิสัยทัศน์และนโยบายเดิมที่มีอยู่ดีอยู่แล้ว
ทุ่ม 6 หมื่น ล.มุ่งเป้า Oil Hub
OR ได้ประกาศแผนการลงทุน 5 ปี (2568-2572) ที่ 60,000 ล้านบาท โดยวางงบฯลงทุนปี 2568 ไว้ที่ 19,000 ล้านบาท เน้นกลุ่มธุรกิจหลัก Mobility 7,656.7 ล้านบาท, Lifestyle 7,300 ล้านบาท, Global Market 2,771 ล้านบาท และ Innovation & New Business 1,178 ล้านบาท
นอกจากนี้ OR มุ่งเน้นที่จะผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น Oil Hub ของภูมิภาค ยังคงเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจในต่างประเทศ ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม ลาว และเมียนมา ยังคงมองกัมพูชาเป็นประเทศที่ใกล้ที่สุดและเป็น Second Home ของ OR จะขยายสถานีบริการเพิ่มเติม ส่วนการลงทุนในประเทศเมียนมาจะหยุดไว้ก่อน ส่วนที่ลงทุนไปแล้วก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ขยายการลงทุนเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ส่วนตัวมองว่าคนไทยอย่าไปมองเมียนมาไปมากกว่านี้ เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน ต้องอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุข ขณะที่แผน Digitalization ขับเคลื่อนการลงทุนของ OR นั้น เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดของ OR หาโอกาสใหม่และสร้างรายได้ ซึ่งทุกการลงทุนนั้นจะเน้นการลงทุนอย่างระมัดระวังและคุ้มค่า ไม่ลงน้ำหนักไปทางใดทางหนึ่งทั้งหมด ซึ่งคาดว่าในช่วง Q1/2568 จะมีแผนที่ชัดเจนออกมา
ทวงคืนมาร์เก็ตแชร์ที่ 38%
ปีนี้โออาร์ตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดให้กลับมาอยู่ในระดับเดิมกับในปี 2566 ที่ 38% หลังจากที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 35% นอกจากนี้ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโต 2-3% ให้สอดคล้องไปกับการเติบโตของ GDP ของประเทศที่ 3% ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทเคยเติบโตมากกว่า GDP ของประเทศอยู่ที่ 3-4% การลงทุนของ OR จะต้อง Spin Off ตัวเอง พัฒนาระบบ จะทำอย่างไรให้การลงทุนมันโต คนภายนอกกลุ่มเชื่อในศักยภาพของโออาร์
ที่ผ่านมา Market Share ของโออาร์หายไป มีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น เช่น ธุรกิจ Logistics ให้ได้ระบบและ Solution ที่มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทอยากให้ทุกพื้นที่ให้บริการมี Mobility ทั้ง Oil และ Nonoil ควบคู่กัน อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมาโออาร์จะโดนโจมตีจากกระแสมากมาย แต่ก็ถือว่าให้เป็นเรื่องในอดีต ถ้าทุกคนใน ปตท. รวมถึงประชาชนช่วยกันสนับสนุนและใช้บริการ OR ก็สามารถโตได้เท่า GDP ของประเทศแน่นอน
ขาดทุนปิด Texas & ขาย Kouen
สำหรับการทบทวนธุรกิจที่ผ่านมา มีการบันทึกด้อยค่าทางธุรกิจ ซึ่งเป็นการตัดสินใจเลือกลงทุนในธุรกิจที่ยังทำกำไรไว้ตามแผน ส่วนธุรกิจที่ไม่ทำกำไร ต้องไม่ยื้อต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้เกิด Lost ในทุก ๆ ปี ถ้าไม่ตัดสินใจทำอะไร รวมถึงยังหันกลับมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่สร้างผลกำไร รวมถึงธุรกิจที่มีการเติบโตในอนาคต ทั้งการยุติกิจการ Texas Chicken เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ถอนการลงทุนบริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น โดยมีผลขาดทุนสุทธิภาษีจากการขาย kouen ประมาณ 110 ล้านบาท
ลงทุน EV ปีนี้ 1 พันล้านบาท
สำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV แม้ ปตท.จะมีการชะลอการลงทุนโรงงานผลิตฐานรถ EV เนื่องจากยอดขายรวมตกลง แต่โออาร์ยังมองว่า ยังคงต้องเปลี่ยนผ่านจาก PTT Station ไปเป็น OR Space เพราะเรามองถึงการไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน การลดก๊าซเรือนกระจก และการเปลี่ยนผ่านด้านยานยนต์ ในอนาคตยังคงเติบโตไปได้
ซึ่งโออาร์โฟกัสไปที่สถานีชาร์จ มองว่า EV ยังคงโตไปได้เรื่อย ๆ เราก็โฟกัสสถานีชาร์จและหัวชาร์จ (EV Charger) ซึ่งในปีที่แล้วได้ลงทุนไปประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้วางงบฯลงทุนในเบื้องต้นไว้ไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว ราว 1,000 ล้านบาทเช่นกัน จำนวน 1,000 แห่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อการใช้รถ EV ลดลง เรายังต้องปรับแผนการลงทุนลดหัว Charger เหลือ 5,000 หัวจ่าย
ลงทุน Health & Wellness
กับคำถามที่ว่า หากรัฐบาลมีนโยบายให้ลดราคาน้ำมัน OR จะลดหรือไม่ ม.ล.ปีกทองกล่าวว่า ไทยผลิตน้ำมันได้ไม่ถึง 15% ของความต้องการในประเทศ คนไทยควรตระหนักถึงการใช้จ่ายทุกบาท ทุกสตางค์ ต้องใช้เงินอย่างคุ้มค่า การลดราคาทำให้จ่ายน้อยลงก็จริง แต่การประหยัดจะเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากที่สุด
ทั้งนี้ที่ผ่านมา OR ได้สร้างผลงานที่โดดเด่น อาทิ การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนผ่านโครงการไทยเด็ด การสนับสนุนผู้เปราะบางทางสังคมผ่าน Cafe Amazon for Chance รวมถึงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ PTT Station ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050 ในด้านการขับเคลื่อนธุรกิจ OR จะมุ่งเน้นการใช้ Digitalization & Innovation เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ
โดยที่ผ่านมา OR ถือเป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำระบบ SAP S/4 HANA มาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันและค้าปลีก พร้อมพัฒนา Control Tower Dashboard เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและตัดสินใจทางธุรกิจ โดยมุ่งเสริมความเข้มแข็งใน 3 พันธกิจสำคัญ
ได้แก่ Seamless Mobility มุ่งเสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันผ่านการขยายเครือข่ายสถานีบริการและเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาสู่พลังงานทางเลือก เช่น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ และการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้กลยุทธ์ Thailand Mobility Partner ในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจน้ำมัน (Fossil Based) สู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based)
ด้าน All Lifestyles มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของ Cafe Amazon ตลอด Value Chain พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเริ่มศึกษาธุรกิจ Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์กระจายพอร์ตการลงทุน (Diversify Portfolio) และ Global Market ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยมีแผนลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งในโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ