
‘เจ้าสัวธนินท์’ มองเศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต แต่อยู่ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงของโลก แนะรัฐปลดล็อกกฎหมายหนุนธุรกิจ ออกกฎเกณฑ์ที่เอื้อประชาชนอยู่ดีกินดี เพื่อประเทศชาติอยู่ได้แบบมั่นคง
ที่งานสัมมนา “Chula Thailand Presidents Summit 2025” ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ปาฐกถาในหัวข้อ “Future Thailand: Next Growth” ว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเบอร์ 1 ผลิตแต่คนเก่ง ๆ ออกมา อาทิ สารัชถ์ รัตนาวะดี ที่อายุยังน้อย และเข้าสู่ธุรกิจพลังงานที่ทันสมัยที่สุด เพราะยังไงก็หนีไม่พ้นเรื่องไฟฟ้า ทั้งปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งไฟฟ้ามาจากพลังงานแสงอาทิตย์และน้ำด้วย
ที่สำคัญคือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เป็นธุรกิจในอนาคต มีความยิ่งใหญ่ สะอาดและปลอดภัย อาทิ ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย มีกฎหมายที่จะรอรับการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ทันสมัยที่สุดแล้ว แต่ประเทศไทยยัง ซึ่งหากพูดถึงเอไอหรือเรื่องอื่น ๆ สิ่งที่ขาดอยู่คือไฟฟ้าที่สะอาดและถูกอย่างไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะมองว่าแสงอาทิตย์และลมไม่เพียงพอ
มองเศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต
สำหรับเรื่องใกล้ตัวอย่างเศรษฐกิจไทย มองว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังมีอนาคต แต่เผอิญว่าเราอยู่ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งดินฟ้าอากาศปั่นป่วน การเมืองปั่นป่วน เทคโนโลยีที่จะเข้ามาทดแทนอย่างรวดเร็ว เกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น โดยการไปลงทุนในต่างประเทศ บริษัทจะนำคนไทยเป็นผู้นำไป ซึ่งการไปลงทุนในแต่ละประเทศจะตอบแทนบุญคุณแผ่นดินนั้น และต้องได้ 3 ประโยชน์ 1.ประเทศนั้นต้องได้ประโยชน์ 2.ประชาชนในประเทศนั้นต้องได้ประโยชน์ และ 3.เครือเจริญโภคภัณฑ์จะต้องได้ประโยชน์
เพราะเราผลิตสินค้าให้ประชาชน หากไม่นิยมจะขายสินค้าที่ผลิตออกมาได้อย่างไร จึงมองอนาคตยังแจ่มใสอยู่ แต่ก็มีวิกฤต ซึ่งทุกวิกฤตมีโอกาส ไม่มีการราบรื่นไปนาน ๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งซ้ำกันไป โดยประเมินเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจว่า ภาคการท่องเที่ยวของไทยในวันนี้ รัฐบาลทำได้ถูกต้องแล้ว คือไม่ต้องมีวีซ่า เพราะเป็นส่วนที่นำเงินเข้ามาในประเทศเร็วที่สุด เราพร้อม ประเทศไทยพร้อม แต่พร้อมจริงหรือไม่ ต้องบอกว่ายังไม่ใช่ เพราะเราต้องมีงบประมาณเพิ่มเติมในการสนับสนุนการท่องเที่ยวมากขึ้น ตั้งเป้าหมายว่าการท่องเที่ยวจะต้องไปอยู่ในระดับไหน คนที่มาเที่ยวเมืองไทยจะเป็นกลุ่มไหน ประเทศไหน ถามว่าเป้าหมายเรามีหรือยัง
เมืองไทยน่าจะเป็นศูนย์การเรียนของโลก เพราะประเทศไทยน่ามาอยู่ พอแค่นี้ได้ แต่หากเรามีมหาวิทยาลัยที่ก้าวทันต่อโลก จะปฏิบัติอย่างไรให้เกิดขึ้นจริง เพราะจะสามารถดึงดูดคนมาเรียนเมืองไทยได้มากขึ้นแน่นอน ซึ่งการเข้ามาเรียนในไทย เราได้ทั้งคนเก่งและมันสมองเข้ามาในประเทศไทย ทำให้เกิดเม็ดเงินเข้าเมืองไทยอีกมหาศาล ไม่แพ้การท่องเที่ยวในระยะยาว เพราะฉะนั้น ฝากรัฐบาล ท่องเที่ยวต้องตั้งเป้าหมาย ตั้งงบประมาณ เราจะได้อะไร ต้องชัด โดยเฉพาะความปลอดภัยสำคัญอย่างยิ่ง และเน้นย้ำว่าเรื่องงบประมาณจะต้องชัดเจน ซึ่งตอนนี้เรายังไม่เห็น
ภาคเกษตรไทยแข็งแกร่ง
อีกเรื่องที่ไทยได้เปรียบคือภาคการเกษตร การที่ทั่วโลกปั่นป่วน เกิดแผ่นดินไหว หรือพายุไต้ฝุ่น ซึ่งประเทศไทยไม่เคยเกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรงเหล่านี้ แม้จะเฉียดไปเฉียดมาระหว่างไทย มีเพียงน้ำท่วมและภัยแล้งเท่านั่น โดยแนะนำว่า เรามีงบประมาณที่ทำถนนต่าง ๆ น่าจะนำมาจัดรูปที่ดิน ปรับรูปที่ดิน และทำชลประทาน พร้อมกับถนน เพื่อป้องกันน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นการเอาจริงเอาจังกับระบบชลประทาน เพราะหากเรามีชลประทาน น้ำแล้งจะไม่เกิด น้ำท่วมก็จะไม่เกิด
ซึ่งความจริงเรามีคนเก่งเรื่องน้ำมากมาย แต่ยังไม่มีนโยบายและงบประมาณในการพัฒนาการสร้างเขื่อน หรือชลประทานในการเพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำเข้าไร่นาภาคการเกษตร หากทำแบบนี้ผลผลิตทางการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 5 เท่า เพราะสิ่งที่กลัวมากสุดเป็นเรื่องน้ำท่วมและน้ำแล้ง หากพัฒนาเขื่อน บึง ชลประทานขึ้นมาเพิ่ม รอบบึงก็ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเพิ่มที่อยู่อาศัยมากขึ้นได้อีก จึงมองว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยโอกาสในภาคการเกษตร
ทุกวันนี้ทุก ๆ อย่างใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่เรื่องพันธุ์พืชที่ก็ต้องใช้เทคโนโลยี นำเอไอเข้ามาช่วยพัฒนา หากคนยังไม่พร้อม ก็นำคนเก่งจากทั่วโลกเข้ามาช่วยก็ได้ ตามด้วยเรื่องปุ๋ย เพราะต้องมีอาหาร รวมถึงพันธุ์สัตว์ พร้อมด้วยอาหารสัตว์ ตอบโจทย์พันธุ์สัตว์ ที่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงเช่นกัน เพื่อให้เกิดการโตเร็ว อย่างรถแทร็กเตอร์ที่ทุกวันนี้ต้องเอาเทคโนโลยีมาใส่ ซึ่งมองว่าภาคเกษตรจะใช้เทคโนโลยีมากที่สุด
รวมถึงโดรน ตอนนี้บริษัทก็ใช้แล้ว ทั้งในไทย จีน และรัสเซีย เพราะหากไม่ใช้ก็ดูแลพื้นที่ไม่ทั่วถึง อาทิ การกำจัดศัตรูพืช โดยเรื่องสัตว์ ก็ต้องมีอาหารและพันธุ์ของตัวเอง ต้องดูแลหรือเลี้ยงเหมือนคน นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ อาทิ หากป่วยติดโรค ต้องมาศึกษาป้องกัน ต้องมีสัตวแพทย์ ซึ่งต้องใช้หุ่นยนต์ทั้งนั้น ไม่มีคนมาเกี่ยวข้องเพื่อความปลอดภัย ความแม่นยำ เรื่องคุณภาพ จนถึงเรื่องโลจิสติกส์การขนส่ง ค้าปลีก ภัตตาคาร อาหารของมนุษย์ทุกคน
ไม่ผูกขาด แต่ทำต้นน้ำยันปลายน้ำ
ซี.พี.เราทำเรื่องตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ คนอาจจะมองว่าผูกขาด แต่ไม่ใช่ เราเป็นแนวดิ่ง ทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ทุกขั้นตอนสอดคล้องกัน เพราะหากเราผลิตมากไปขายไม่หมดก็เสียหาย ผลิตน้อยไปก็ไม่มีของขายก็เสียหาย โดยมองว่าภาคเกษตรเป็นน้ำมันบนดิน เป็นทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าของประเทศไทย อย่างอื่นเรายังต้องซื้อวัตถุดิบเขา ชิ้นส่วนบางอย่างมาประกอบ เราอาจกำไรส่วนหนึ่ง ไม่เหมือนสินค้าเกษตรที่มีกำไรกว่า 90% เป็นเงินของประเทศไทย เอไอหรือเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ผู้ใช้งานคือประชาชน
หากประชาชนไม่เงินจะใช้ได้ยังไง เราจึงต้องสร้างประชาชนที่มีรายได้ ซึ่งหนีไม่พ้นการศึกษา ต้องมีความรู้ ความชาญฉลาด ต้องมีปัญญา ไม่ใช่เพียงปริญญาเท่านั้น ต้องเรียนไป ทำงานไป พอจบแล้วทำงานได้เลย เพราะตัวเองเคยไปพูดที่ศูนย์การเรียนรู้ยุโรป เราเรียนไปทำงานไปได้หรือไม่ เราจบตอนอายุ 18 ปีได้เลยหรือไม่ สามารถจบมาแล้วรับตำแหน่งในการทำงานได้ทันที มีเป้าหมายในการเรียน เพราะคนเราน้อยลงทุกปี เราสร้างไม่ทันแล้ว
วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไป เราสร้างไม่ทันแล้ว หากเราเอาแรงงานมา 5 ล้านคน สิงคโปร์มีคนเก่ง 2.5 ล้านคน หากเราเอาคนเก่ง 5 ล้านคนมาทำงานทันที มาเสียภาษีทันที มาช่วยดึงคนเก่งให้เกิดการศึกษามากขึ้นได้ทันที แต่วันนี้ไทยผลิตบัณฑิตได้แค่ 3 แสนคน ต้องใช้เวลากว่า 10 ปี กว่าจะผลิตคนได้ 5 ล้านคน หากต้องการจ้างงานเพิ่มขึ้นแล้วจะนำคนที่ไหนเข้ามาช่วย
ทำธุรกิจต้องคิดถึงประชาชน
นักธุรกิจก็มีหน้าที่เหมือนกัน เราทำธุรกิจต้องอยู่รอดได้ ต้องคิดถึงประชาชน เพราะกำไรอยู่กับประชาชน เราจะขายสินค้าให้ประชาชน หากคนไทยไม่รวยขึ้นจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ซื้อสินค้าและบริการของเรา จึงต้องคิดถึงลูกค้าของเราก่อนว่า ทำอย่างไรให้เขามีรายได้และกำลังซื้อสินค้า ไม่อย่างนั้นผลิตสินค้าออกมาจะขายให้ใคร ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของธุรกิจ แต่พื้นฐานจริง ๆ ต้องมาจากมหาวิทยาลัย เป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยในการผลิตคน และหน้าที่ของรัฐบาลในการออกกฎหมายให้เอื้อกับธุรกิจด้วย เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าโลกเปลี่ยนแปลง
อาทิ รู้ว่าคนทั่วโลกชอบมาเที่ยวไทย ชอบอยู่ไทย แต่กฎหมายเรายังไม่ค่อยเอื้อ ยังกังวลการเข้ามาแย่งงานของคนไทยอยู่ กฎหมายจึงยังปิดช่องไม่ให้คนต่างชาติมาทำธุรกิจบางธุรกิจ อาทิ หากนำเข้ามาสัก 5 ล้านคน คิดเป็นเพียง 7% เท่านั้น แต่สิงคโปร์นำมาเกือบเท่าตัว ซึ่งเชื่อว่าเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจทันที เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องไฮเทคต่าง ๆ จะต้องเป็นคนที่เป็นคนสร้าง และคนเป็นคนใช้เช่นกัน และคนเหล่านี้จะไม่น้อยลง แต่จะเกิดขึ้นใหม่ ๆ ทุกวัน ข้อมูลใหม่เพิ่มขึ้น เร็วขึ้น เพราะโลกเทคโนโลยีเร็วขึ้น
อย่างบริษัทค้าปลีก อย่าไปกำไรจากการขึ้นราคาเลย เพราะทุกวันนี้ถามแชตจีพีที ก็รู้ราคาแล้วราคาอยู่ที่เท่าใด สมัยโบราณต้องไปดู 3 แห่งถึงจะซื้อร้านที่ถูกที่สุด แต่วันนี้ราคาที่ถูกที่สุดดูได้ทั่วโลกแล้ว นักธุรกิจจึงต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ต้นทุนถูกลง อย่างเครื่องจักรของ ซี.พี.ที่จะลงทุนต่อนั้น ต้องมีพลังอย่างน้อย 5 เท่าจากของเดิม เพราะเอไอทำให้ทุกอย่างฉลาดขึ้น ทำน้อยได้มาก ยิ่งทำมากก็ยิ่งได้มากขึ้น โดยค่าแรง 600 บาทถึงแน่นอน แต่เราต้องสร้างแรงงานให้เท่าทันกับโลก ประสิทธิภาพยิ่งสูง ทำให้คนเราเก่งขึ้น ทำให้การผลิตและการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สุดท้ายมีข้อเสนอแนะ ว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยร่ำรวย ให้คนไทยร่ำรวย เพราะหากคนไทยร่ำรวย ประเทศไทยถึงจะแข็งแรง ซึ่งต้องพึ่งพามหาวิทยาลัยเป็นหลัก ส่วนนักธุรกิจเป็นส่วนสำคัญมาก ทำทุกอย่างก็เพื่อให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น รัฐบาลต้องออกกฎเกณฑ์ที่เอื้อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เพื่อประเทศชาติถึงจะอยู่ได้แบบมั่นคง