กฟภ.ตัดไฟเมียนมาแล้ว 5 จุด อนุทินชี้ทำตามคำสั่ง-ยอมเสียรายได้ 600 ล้าน

อนุทิน ชาญวีรกูล

“อนุทิน’’ เข้าตัดไฟเมียนมาแล้ว 5 จุดด้วยตนเอง ชี้ทำตามคำสั่งมติ สมช. ไม่เกี่ยวการเมือง ยืนยันรายได้ กฟภ. 600 ล้านบาทต่อปี ไม่กระทบแน่นอน ชี้กำไรไม่ถึง 1%

นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้หยุดจ่ายไฟฟ้าไปยังสาธารณารัฐเมียนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2568)

ตามมติที่ประชุมสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่แจ้งว่า การจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

พบข้อมูลที่มีการนำไฟฟ้าไปใช้ไม่เป็นตามสัญญา ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและและความมั่นคงของประเทศ

จึงมีมติให้กระทรวงมหาดไทย และ PEA งดจำหน่ายไฟฟ้าที่จ่ายให้กับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จำนวน 5 จุดซื้อขายไฟฟ้า รวม 20.37 MW ดังนี้

1) จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย เขตแดนประเทศไทยฝั่งประเทศไทย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ถึงเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 2.33 MW

ADVERTISMENT

2) จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านเหมืองแดง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย ถึงเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 4.94 MW

3) จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านห้วยม่วง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประเทศไทย ถึงเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยงสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 4.52 MW

ADVERTISMENT

4) จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประเทศไทย ถึงเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 0.78 MW

5) จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ถึงตองซู รัฐมอญ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 7.8 MW

ซึ่งตามปกติรายได้จากส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 50 ล้านบาทต่อเดือน และ 600 ล้านบาทต่อปี กำไรจริง ๆ ไม่ถึง 1% ซึ่งการจ่ายไฟเป็นเพียงการดำเนินการตามมติ ครม. เศรษฐกิจ สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่านั้น

ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้ เป็นไปตามมติของที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มีการประชุมช่วงเย็นวานนี้ (4 ก.พ. 68) โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทำหน้าที่เป็นประธานลงนาม และมีหนังสือสั่งการมายัง กฟภ. ดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้า ซึ่ง กฟภ.ได้ดำเนินการตามการสั่งการของมติที่ประชุม สมช.เป็นที่เรียบร้อย

นายอนุทินกล่าวต่อไปว่า เราเป็นผู้ปฏิบัติเมื่อมีข้อสั่งการถูกต้องและเห็นชอบตามกฎหมาย กฟภ.ก็สามารถดำเนินการตัดไฟได้ทันที อย่างไรก็ตาม มีข้อคำถามมากมายว่าทำไมกระทรวงมหาดไทยไม่ดำเนินการตัดสินใจในการตัดกระแสไฟฟ้าเอง ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจ

ซึ่งท้ายที่สุดก็มีการประชุม สมช. และมีมติพร้อมกับทำหนังสือออกมา กฟภ.ก็ได้ดำเนินการทันที ดังนั้นการจ่ายไฟไปเมียนมาก็ได้ยุติลง สำหรับการขายไฟฟ้าให้เพื่อนบ้าน เป็นไปตามมติ ครม.

ซึ่งการนำเสนอให้ ครม.รับทราบเป็นสิ่งที่ถูกต้อง รวมถึงที่มติ สมช. ก็ต้องเรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบ ซึ่งนายกฯจะนำเข้า ครม. เพื่อรับทราบหรือไม่ก็เป็นไปตามการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี

“วันนี้เราทำตามกำหนดในสัญญาข้อ 14 ถ้าจ่ายไฟไปแล้วกระทบความมั่นคงหรือกระทบความมั่นคงทางพลังงาน เราก็สามารถงดจ่ายไฟได้ตามสัญญา” นายอนุทินกล่าว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาไทย กฟภ. ได้ดำเนินการศึกษามติ ครม.ที่เคยอนุญาตขายไฟ และทบทวน ปรับปรุง แก้ไข เพื่อนำเสนอ ครม. ให้มีมติ ครม.ใหม่ ต่อจากนี้ไปจะต้องแก้ไขเรื่องใดต่อไป เช่น ในอดีตยังไม่มีสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ดังนั้นการขายไฟฟ้าต่อจากนี้ไปมีระเบียบเป็นอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

นายอนุทินกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง และรับข้อสั่งการของนโยบาย ไม่เกี่ยวกับการเมือง หรือการทำเพื่อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยืนยันตั้งแต่วันแรกที่เป็นประเด็น เมื่อมีข้อสั่งการที่ถูกต้อง กฟภ.ก็ดำเนินการทันที และทำจริง ๆ มีข้อสั่งการมาให้ตัดการจ่ายไฟ ตั้งแต่ 09.00 น. ทางทีมงานก็ตัด ไม่ต้องรอผมมาด้วย

อย่างไรก็ตาม เราก็ดูว่าเข้าเงื่อนไขหรือไม่ ต่อให้ไม่เข้าเงื่อนไขตามสัญญาเราก็ตัด เพราะกระทบต่อความมั่นคง แต่เมื่อตรงกับข้อสัญญาที่เกี่ยวข้องกัน เรามองว่าเราต้องรักษาประโยชน์ของคนไทย สิ่งที่ขายไป ถูกแปรสภาพและสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เรายืนยันมาตลอดว่าทำตามข้อสั่งการ ตอนนี้ข้อสั่งการมาแล้ว เราก็ทำเลย ยอดขายไม่มีความหมายเลย ทางการไทยพบว่ามีการนำไฟฟ้าไปใช้ทางสแกมเมอร์ ยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ เป็นภัยต่อความมั่นคงต่อประเทศ

เราไม่ได้บอกว่าเราผิดสัญญา แต่เราพบว่า เขานำไปใช้ไม่ตรงกับสัญญา คำสั่งของ สมช. ครอบคลุมไปถึงการหยุด Supply ทั้งหมด เช่น น้ำมัน สัญญาณอินเทอร์เน็ต

ทั้งนี้ เมื่อมีการดำเนินการในฝั่งของเมียนมาเรียบร้อยแล้ว จะมีการดำเนินการในฝั่งของกัมพูชาด้วยหรือไม่นั้น เรามีสัญญาซื้อขายเช่นกัน ซึ่งมั่นใจว่าจะมีหลักการเดียวกัน จะเริ่มตอนไหนคงต้องสอบถามไปยัง สมช.

“การขายไฟมีผลกระทบต่อชีวิตคนไทย เรื่องความมั่นคง และมีคนไทยถูกหลอกลวง ดังนั้น กฟภ.ยินดีที่จะเสียรายได้ส่วนนี้ไปเพื่อเป็นการยืนยันว่าเราไม่ได้สนบสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยก็ทำตามหน้าที่ของเราตามกฎหมาย” นายอนุทินกล่าว