ราคาน้ำมันดิบ (10 ก.พ.) ปรับเพิ่ม หลังทรัมป์ยืนยันคว่ำบาตรอิหร่าน

ราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับเพิ่มขึ้น หลังทรัมป์ยืนยันคว่ำบาตรอิหร่าน ท่ามกลางคำมั่นสัญญาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับเพิ่มขึ้น หลังประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีมติคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบอิหร่าน ทั้งนี้ตลาดคาดการส่งออกน้ำมันดิบอิหร่านอาจลดลงครึ่งหนึ่งของการส่งออกน้ำมันดิบทั้งหมด โดยคิดเป็นลดลงจากเดือน ม.ค. 68 ที่ระดับ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบที่จะตึงตัวขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ตลาดกังวลผลกระทบจากการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าจีน 10% ที่อาจจะส่งผลให้เกิดสงครามการค้าระหว่างประเทศ ทำให้อุปสงค์น้ำมันดิบชะลอตัวลง นอกจากนี้ตลาดยังคงจับตาการให้คำมั่นสัญญาของประธานาธิปดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 ก.พ. 68 ที่ผ่านมาว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ ทั้งนี้ตลาดคาดสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐอาจเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า

Baker Hughes เผยจํานวนแท่นขุดเจาะนํ้ามันดิบสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 ก.พ. 68 ปรับเพิ่ม 1 แท่นสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ระดับ 480 แท่น ขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ปรับเพิ่ม 2 แท่นอยู่ที่ระดับ 100 แท่น

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นอินเดียปิดปรับปรุงซ่อมบำรุงเริ่มวันที่ 3 ก.พ. 68 เป็นเวลา 50 วัน ส่งผลให้อุปทานน้ำมันเบนซินตึงตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สต๊อกน้ำมันเบนซินยุโรปประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 6 ก.พ. 68 ปรับเพิ่ม 3.5% สู่ระดับ 1.69 ล้านตัน

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสหรัฐส่งออกน้ำมันดีเซล เดือน ม.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 31 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 67 อย่างไรก็ตาม สต๊อกน้ำมันดีเซลสิงคโปร์ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 5 ก.พ. 68 ปรับเพิ่ม 13% สู่ระดับ 10.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์

ADVERTISMENT