
จีไอที เผยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับทั้งปี 2567 มูลค่า 9,609.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 10.99% รวมทองคำ 18,367.12 ล้านเหรีญสหรัฐ เพิ่ม 25.49% คาดปี’68 ยังขยายตัว แต่ต้องจับตาปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายทรัมป์ 2.0 ก่อสงครามการค้า ฉุดยอดส่งออก
นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำเดือน ธ.ค. 2567 มีมูลค่า 997.21 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 79.14% กลับมาเป็นบวกได้ต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน และหากรวมทองคำมีมูลค่า 1,442.62 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 48.38% ส่วนยอดรวมทั้งปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) การส่งออกไม่รวมทองคำมีมูลค่า 9,609.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.99% หากรวมทองคำมูลค่า 18,367.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.49%

สำหรับการส่งออกทองคำเดือน ธ.ค. 2568 มีมูลค่า 445.41 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.17% แม้ราคาทองคำตลาดโลกจะลดลง แต่ก็ยังส่งออกได้เพิ่มขึ้น ส่วนยอดรวมปี 2567 ส่งออกทองคำมีมูลค่า 8,758.02 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 46.48% และหากแยกการส่งออกทองคำเป็นรายเดือน ดังนี้
- ม.ค. มูลค่า 469.12 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 194.17%
- ก.พ. มูลค่า 740.46 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 309.51%
- มี.ค. มูลค่า 391.82 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 75.02%
- เม.ย. มูลค่า 288.64 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 64.57%
- พ.ค. มูลค่า 582.33 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 135.39%
- มิ.ย. 544.79 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 184.12%
- ก.ค. 1,180.99 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 434.13%
- ส.ค. 455.36 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 99.01%
- ก.ย. 741.16 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 14.99%
- ต.ค. 2,231.85 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 169.31%
- พ.ย. 2567 มีมูลค่า 686.09 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 174.67%
- ธ.ค. 2568 มีมูลค่า 445.41 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.17%
ส่วนตลาดส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้น โดยฮ่องกงเพิ่ม 5.69% สหรัฐเพิ่ม 14.51% อินเดียเพิ่ม 118.04% เยอรมนีเพิ่ม 9.63% เบลเยียมเพิ่ม 16.25% อิตาลีเพิ่ม 2.34% ญี่ปุ่นเพิ่ม 5.40% ส่วนสหราชอาณาจักรลด 5.37% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลด 0.30% สวิตเซอร์แลนด์ลด 7.77%
ทางด้านการส่งออกสินค้าส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยเครื่องประดับทองเพิ่ม 3.91% เครื่องประดับเงินเพิ่ม 18.22% เครื่องประดับแพลทินัมเพิ่ม 24% พลอยก้อเพิ่ม 42.66% พลอยเนื้อแข็งเจียระไนเพิ่ม 5.64%
ซึ่งในกลุ่มพลอยยังคงเป็นสินค้าที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง เพราะมีการซื้อไปลงทุน เครื่องประดับเทียมเพิ่ม 4.41% แพลทินัมเพิ่ม 4,4497.57% จากการส่งออกไปอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดในอันดับ 1 เพิ่มขึ้น จากที่ไม่เคยส่งออกในปีที่แล้ว รวมทั้งญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย ตลาดอันดับ 2-3 ก็ส่งออกเพิ่มขึ้น
ส่วนพลอยเนื้ออ่อนเจียระไนลด 5.35% เพชรก้อนลด 8.79% และเพชรเจียระไนลด 7.53% จากการส่งออกไปตลาดสำคัญอย่างฮ่องกง เบลเยียม อิสราเอล และสหรัฐ ลดลง
นายสุเมธกล่าวว่า ทิศทางการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2568 การส่งออกน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการท่องเที่ยว แต่ก็ต้องจับตาปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั้งรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-ฮามาส
รวมทั้งนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเก็บภาษีนำเข้าประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐในลำดับต้น ๆ และมาตรการตอบโต้ด้านต่าง ๆ ที่สหรัฐมองว่าไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามการค้าในระยะอันใกล้ ซึ่งหลายปัจจัยนี้จะมีผลต่อเนื่องและอาจเป็นกำแพงกีดกันการค้าโลกในปี 2568 และส่งผลกระทบต่อการส่งออกได้
สำหรับข้อเสนอแนะในการปรับตัว ผู้ประกอบการจะต้องใช้ประโยชน์จากการที่อุตสาหกรรมค้าปลีกได้ก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัล โดยพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแนวทางจากการขับเคลื่อนด้วยเทรนด์สำหรับคนจำนวนมาก ไปเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยความมีเอกลักษณ์สำหรับแต่ละบุคคล หรือเปลี่ยนจากแบบกลุ่มขนาดใหญ่เป็นแบบกลุ่มย่อย ทำให้ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ได้เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น
ทั้งการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การตลาด และการทำธุรกิจในด้านต่าง ๆ โดยต้องให้ความสำคัญกับการดึงดูดผู้บริโภคเชิงคุณค่า การปลดล็อกการเชื่อมโยงช่องทางการตลาดแบบ Omnichannel และการสร้างประสิทธิภาพความเชี่ยวชาญสำหรับตลาดแบบเฉพาะบุคคลให้มากขึ้น