
PTG ท็อปฟอร์ม โชว์กำไรปี’67 พันล้าน เพิ่มขึ้น 7.9% ปลื้มร้านกาแฟพันธุ์ไทยรายได้พุ่งพรวด 82% ผลพวงขยายสาขาแบบก้าวกระโดด จาก 882 เป็น 1,347 สาขา ลั่นเป้าปีนี้ Nonoil โต 50% ปูพรมร้านกาแฟอีก 600 สาขา ให้ได้ 1,947 แห่ง เล็งปักหมุดทำเลทองทั่ว กทม. ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ ส่วนธุรกิจน้ำมันเป้าโต 5-10% ลุยขยายปั๊มให้ครบ 2,279 ปั๊ม
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจน้ำมันที่ 5-10% โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายสถานีบริการ การพัฒนาคุณภาพบริการ และการเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าผ่านโซลูชั่น โดย PTG ยังคงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายสถานีบริการ PT อย่างต่อเนื่อง
เน้นขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพ ควบคู่กับการรีโนเวตสถานีบริการ และพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบวงจร และการเติบโตของฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 25 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของยอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ PT โดยตรง
ปีนี้เพิ่มปั๊มครบ 2,279 สาขา
PTG ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนสถานีบริการให้ครบ 2,279 สาขา ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของยอดจำหน่ายน้ำมันให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมขยายการให้บริการในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ารายได้จากการขายและการให้บริการธุรกิจ Oil ในงวดปี 2567 มีจำนวน 207,855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% จากปีก่อน
โดยมีปัจจัยหนุนจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางที่ยังคงสร้างสถิติยอดขายสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง เป็น 6,708 ล้านลิตร เติบโต 12.5% จากปีก่อน คิดเป็นการจำหน่ายผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการ PT จำนวน 6,548 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 12.9% จากปีก่อน รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว จึงส่งผลให้บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทางค้าปลีก ผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% เมื่อเทียบกับ 19.5% ในปีก่อนหน้า โดยปี 2567 บริษัทมีการขยายสถานีบริการน้ำมัน PT เพิ่มขึ้น 1.3% จากปีก่อน เป็น 2,229 สถานี
เป้า Nonoil โต 50% รับพันธุ์ไทย
บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้จากธุรกิจ Nonoil (ไม่รวม LPG) ที่ 40-50% ในปี 2568 โดยมุ่งเน้นการขยาย Touchpoints อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า โดยมีเป้าหมายขยายธุรกิจเป็น 2,978 สาขา ซึ่งรวมถึงการขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยเป็น 1,947 สาขา จากปัจจุบันมีจำนวนสาขา 1,347 สาขา และเพิ่ม Touchpoints อื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Nonoil เป็น 1,031 สาขา
ขณะเดียวกัน กาแฟพันธุ์ไทยยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของธุรกิจ Nonoil ด้วยการขยายสาขาอย่างมีนัยสำคัญในปี 2568 โดยใช้กลยุทธ์การเลือกทำเลที่มีศักยภาพสูง เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ผ่านฐานข้อมูลสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดพื้นที่ขยายสาขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นไปยังทำเลที่มีศักยภาพ เช่น ย่านใจกลางเมือง (CBD), หัวเมืองหลักในจังหวัดต่าง ๆ, ศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้า, สถานที่ราชการ, โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่ารายได้จากการขายและการให้บริการธุรกิจ Nonoil ในปี 2567 เท่ากับ 17,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.2% จากปีก่อน โดยการเติบโตของยอดขายเป็นผลมาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มีรายได้จากการขายและการบริการที่เติบโต 82.6% จากปีก่อน เป็นจำนวน 2,266 ล้านบาท เป็นผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สิ้นปี 2567 มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,347 สาขา เพิ่มขึ้น 52.7%
Subway เพิ่ม 500 สาขา 10 ปี
ส่วนธุรกิจร้านแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ด Subway เตรียมขยายธุรกิจภายใต้แนวคิด “Fresh Forward 2.0” ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศสดใส ออกแบบผสมผสานเอกลักษณ์และวัฒนธรรมไทยได้อย่างลงตัว พร้อมตั้งเป้าขยายสาขา 50 สาขาต่อปี เสริมความแข็งแกร่งภายใต้แนวคิด “Eat Fresh, Feel Good” โดยปัจจุบัน Subway ในประเทศไทยมีทั้งหมด 148 สาขา และตั้งเป้าขยายเพิ่มอีกมากกว่า 500 สาขาภายใน 10 ปี หรือปีละ 50 สาขา
โดยเน้นทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯและปริมณฑล แหล่งท่องเที่ยว หัวเมืองหลัก ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล สนามบิน รวมถึงขยายในรูปแบบ Stand Alone, Drive Thru และตู้ Vending Machine พร้อมตั้งเป้าขึ้นแท่น Top 3 ตลาดธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (Quick Service Restaurant : QSR) ในไทยภายใน 3 ปี
ปี’67 มาร์เก็ตแชร์พรวด 21.9%
สำหรับผลประกอบการงวดปี 2567 บริษัทมีกำไร 1,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% เทียบช่วงเดียวกันปี 2566 ที่มีกำไร 966 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 27,002 ล้านบาท แตะ 225,813 ล้านบาท ปัจจัยหลักของการเติบโตมาจากธุรกิจ Oil ที่ขยายตัว 12.3% จากปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางที่เติบโตถึง 12.5% จากปีก่อน คิดเป็นปริมาณรวม 6,708 ล้านลิตร
การเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ทำให้บริษัทสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales Growth : SSSG) ผ่านกลุ่มลูกค้าสมาชิก Max Card และ Max Card Plus (กลุ่มลูกค้าสมาชิก) เป็นหลัก
ขณะที่ธุรกิจ Nonoil ของบริษัทมีกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ 4,270 ล้านบาท หรือ 31.2% จากปีก่อน เป็น 17,958 ล้านบาท โดยธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ 82.6% จากปีก่อน เป็น 2,266 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวมีปัจจัยมาจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น 465 สาขา จาก 882 สาขา เป็น 1,347 สาขา หรือคิดเป็นการขยายเฉลี่ย 1.3 สาขาต่อวัน