
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังทรัมป์ขู่คว่ำบาตรรัสเซีย หากการเจรจาหยุดยิงไม่สำเร็จ
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับเพิ่มขึ้น หลังประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะคว่ำบาตร และเพิ่มกำแพงภาษีนำเข้าสินค้ารัสเซีย หากการเจรจายุติสงครามรัสเซียยูเครนไม่สำเร็จ ทั้งนี้ปัจจุบันยังคงมีการจู่โจมระหว่าง 2 ประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
Baker Hughes เผยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 มี.ค. 68 ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 486 แท่น ขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับลดลง 1 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 101 แท่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 68 ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คาดตัวเลขจีดีพีสหรัฐ ไตรมาส 1/68 ปรับลดลง 2.4% สวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 68 ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 2.3% จากความกังวลของตลาดที่มีต่อนโยบายการขึ้นกำแพงภาษีสหรัฐต่อประเทศต่าง ๆ สร้างความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันดิบที่อาจปรับตัวลดลงตามเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
OPEC+ ยังคงยืนยันที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบระดับ 0.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเริ่มเดือน เม.ย. 68 อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาด OPEC+ อาจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบหลังจากที่ปรับเพิ่มเดือน เม.ย. 68 อีก 1 ครั้ง เนื่องจากยังคงมีความไม่แน่นอนของสงครามระหว่างอิสราเอง และฮามาสในฉนวนกาซา ที่ตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะมีการเลื่อนการเจรจาหยุดยิงถาวร
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นจีนคาดส่งออกน้ำมันเบนซินเดือน มี.ค. 68 เพิ่มขึ้น สิงคโปร์ส่งออกน้ำมันเบนซินประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 5 มี.ค. 68 ลดลง 14.34% สู่ระดับ 0.42 ล้านตัน ขณะที่ตลาดคาดอินโดนีเซียนำเข้าน้ำมันเบนซินเดือน มี.ค. 68 ลดลงแตะระดับ 13 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต๊อกน้ำมันดีเซลสิงคโปร์ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 6 มี.ค. 68 ปรับเพิ่มขึ้น 16.49% สู่ระดับ 11.25 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ส่งออกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 5 มี.ค. 68 เพิ่มขึ้น 1.98% แตะระดับ 0.45 ล้านตัน เป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 16 อาทิตย์