PTG ปิ๊งไอเดีย ทำปั๊มชาร์จ EV โดยเฉพาะ สยายปีกร้านกาแฟพันธุ์ไทย

PTG ผุดปั๊มชาร์จ EV โดยเฉพาะ GIGA EV ปักหมุดทำเล ลาดพร้าว-วังหิน สาขาแรก ลงทุน 30 ล้าน ส่วนปั๊ม PT ลุยเพิ่มหัวชาร์จ Elex PT by EGAT เป็น 180 แห่ง โหมเพิ่มรายได้ Nonoil สยายปีกร้านกาแฟพันธุ์ไทยให้ครบ 5 พันสาขา เล็งเข้าตลาดหุ้นปี’70

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เดินหน้าขยายเครือข่ายธุรกิจในหลากหลายมิติ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ “อยู่ดี มีสุข” ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ โดยนายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและความยั่งยืน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เล่าถึงกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจปี 2568 ภายใต้ Max World ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

ผุดปั๊มชาร์จอีวี GIGA EV

นายรังสรรค์เปิดเผยว่า สำหรับการขยายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2568 นี้ บริษัทไม่ได้เน้นหนักในแง่ของการสร้างสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ใหม่ แต่พยายามปรับปรุงสถานีให้ทันสมัย และครบวงจรมากขึ้น โดยวางเป้าปรับปรุงสถานีบริการ 60-70 สาขา ส่วนการสร้างสถานีบริการพื้นที่ใหม่ไม่เกิน 10 สาขา ขณะเดียวกันในปีนี้ บริษัทตั้งงบฯลงทุนมูลค่า 30-40 ล้านบาท ไม่รวมมูลค่าที่ดินและการตกแต่งภายใน ก่อสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า “PT GIGA EV” แห่งแรก ตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าว-วังหิน

ภายในสถานีประกอบด้วยตู้ชาร์จ 5 ตู้ 10 หัวชาร์จไฟฟ้า ซึ่งแตกต่างจากสถานีบริการเดิม โดยเน้นด้านไลฟ์สไตล์มากขึ้น โดยสถานี GIGA EV นี้ถือเป็นสาขาต้นแบบ ไม่มีหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการทดลองระบบเพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า พิจารณาและศึกษาผลการตอบรับของผู้บริโภค คาดว่าปลายปี 2568 จะสามารถเปิดให้บริการได้

Elex PT เพิ่มหัวชาร์จ 180 แห่ง

ส่วนธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Elex PT by EGAT มีแผนจะเพิ่มหัวชาร์จเป็น 180 แห่ง และจะให้สิทธิประโยชน์ Max Card ในส่วนของ EV เป็นรายแรก โดยมีการเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่น Max Me เข้ากับแอปพลิเคชั่น Elexa ให้ได้สิทธิประโชน์ร่วมกันโดยไม่ต้องสลับแอป ปัจจุบันสถานีชาร์จ Elex PT by EGAT มีมากกว่า 200 สถานี ให้บริการผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นบริษัทรายแรกของไทยที่ออกบัตร PT Max Card Plus EV

โดยมีการเชื่อมต่อระบบจากแอปพลิเคชั่น Elexa เข้ากับแอปพลิเคชั่น Max Me ของกลุ่ม PTG เชื่อมต่อกับกลุ่มพันธมิตร ซึ่งเป็นการทดลองใช้กับกลุ่มลูกค้า PTG ให้สามารถใช้แอป Elexa ไปพร้อมกับการรับสิทธิประโยชน์จาก PT Max Card ได้โดยไม่ต้องสลับแอปพลิเคชั่นเพื่อสร้างความสะดวกต่อผู้ใช้บริการมากขึ้น

ส่วนธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อมในปีที่ผ่านมา เช่น ธุรกิจบริหารจัดการขยะเพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงที่ลงทุนในบริษัท ไทยไพบูลย์ จำกัด บริษัทได้ดำเนินการกำจัดขยะไปแล้ว 3,500 ตันต่อวัน หรือประมาณ 350 ชุมชน โดยตั้งเป้ากำจัดขยะในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ชุมชน

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในสถานีบริการน้ำมัน PT ไปแล้วกว่า 150 สถานี กำลังการผลิตรวม 37 เมกะวัตต์ เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าและลดค่าใช้จ่ายมากกว่า 20% ต่อสถานี ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 1,600 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้มากกว่า 180,000 ต้น

“พันธุ์ไทย” เล็งเข้าตลาดหุ้นปี’70

ในปี 2568 บริษัทได้ตั้งงบฯลงทุนไว้ 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกวางงบฯไว้ที่ 4,000 ล้านบาทโดยพิจารณาจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน สัดส่วน 2 ใน 3 ของเงินลงทุนเน้นหนักในกลุ่มธุรกิจ Nonoil โดยบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้น (Gross Profit) ในธุรกิจ Nonoil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2571 จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 25% โดยการเพิ่มในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มีปัจจัยมาจากการขยายกาแฟพันธุ์ไทยให้ได้ 5,000 สาขา ภายในปี 2571

ส่วนปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขาไม่น้อยกว่า 600 สาขา เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย 2,000 สาขาภายในปลายปีนี้ ขณะที่ในปี 2567 กาแฟพันธุ์ไทย มีสาขารวม 1,347 สาขา เติบโตมากกว่า 36% นอกจากนี้ ได้เตรียมความพร้อมที่จะนำกาแฟพันธุ์ไทย ภายใต้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในปี 2570

ทั้งนี้ ความสำเร็จในปีที่ผ่านมา กาแฟพันธุ์ไทยเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจ Nonoil ด้วยการเติบโตที่โดดเด่นของกำไรขั้นต้นซึ่งเพิ่มขึ้น 80.2% จากปีก่อน จากการขยายสาขาเฉลี่ยกว่า 1.3 สาขาต่อวัน ไปยังสถานีบริการน้ำมันและภายนอกสถานีบริการน้ำมันที่มีศักยภาพ ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้า Spin-off บริษัทลูก 7-8 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในอนาคต

โดยขณะนี้ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (ATLAS) อยู่ในกระบวนการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. จำนวน 1 บริษัท คาดว่าจะเข้าเทรดในปีนี้ และในปลายปี 2569 เตรียมยื่นไฟลิ่งบริษัทลูกอีก 2 บริษัท รวมถึงปีถัดไปจำนวน 1-2 บริษัท ซึ่งเป็นการทำให้บริษัทลูกเติบโตได้ด้วยตนเอง