ราคาน้ำมันดิบ (14 มี.ค. 68) ปรับลด หลังประธานาธิบดีสหรัฐขู่จะเก็บภาษีสหภาพยุโรป

ราคาน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังประธานาธิบดีสหรัฐขู่จะเก็บภาษีต่อสหภาพยุโรป ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับลดลง หลังตลาดยังคงกังวลต่อนโยบายการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีการกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยขู่ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากพันธมิตรหลักอย่างสหภาพยุโรป ส่งผลทำให้ตลาดกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) รายงานว่า อุปทานน้ำมันทั่วโลกอาจเกินความต้องการประมาณ 600,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ โดยเป็นผลจากการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับความต้องการทั่วโลกที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เปิดเผยว่า คาซัคสถาน เป็นผู้นำการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งขัดกับเป้าหมายกำลังการผลิตที่ตกลงกันไว้ แม้ว่าจะมีแผนที่จะยกเลิกการลดกำลังการผลิตก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิมีร์ ปูติน ได้กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า เขาเห็นด้วยกับสหรัฐที่ทำข้อตกลงการหยุดยิงกับยูเครน แต่การหยุดยิงใด ๆ ควรนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน และต้องแก้ไขสาเหตุความขัดแย้งหลักด้วย

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ แม้ปริมาณนำเข้าของน้ำมันเบนซินในฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้น 72.0% ที่ระดับ 2.9 ล้านเมตริกตันในเดือนมกราคม รวมถึงน้ำมันเบนซินคงคลังในสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 มีนาคม จาก 246.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 241.1 ล้านบาร์เรล

ADVERTISMENT

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลในประเทศมาเลเซียปรับเพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 1.5 ล้านเมตริกตันในเดือนมกราคม แม้ว่าจะปรับลด 9.5% จากเดือนก่อนหน้า