ราคากาแฟโลกพุ่งทุบสถิติ หนุนไทย-เวียดนาม มูลค่าส่งออกโต

ราคาเมล็ดกาแฟตลาดโลก พุ่งทุบสถิติเป็นประวัติการณ์ สูงสุดถึง 9 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัม ดันมูลค่าส่งออกกาแฟไทย-เวียดนามปรับตัวสูงขึ้น

กาแฟ เมนูเครื่องดื่มยามเช้าของใครหลายคนที่ต้องดื่มเพื่อเติมความสดชื่นก่อนการทำงาน แต่ในช่วงที่ผ่านมา คอกาแฟหลายคนอาจจะเข้าสู่ช่วงการลดบริโภคกาแฟจากร้านกาแฟ คาเฟ่ต่าง ๆ หันมาชงกาแฟดื่มเอง เนื่องจากการปรับตัวที่สูงขึ้นของราคาเมล็ดกาแฟตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมา ที่ทำให้ต้นทุนปรับสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ราคาเมล็ดกาแฟในตลาดโลก ปี 2568 ปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเมล็ดกาแฟอราบิก้า ราคาอยู่ที่ 9 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัม เมล็ดกาแฟโรบัสต้า ราคาอยู่ที่ 5.8 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัม ปัจจัยที่หนุนการเพิ่มขึ้นของราคากาแฟ มาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ

สภาพอากาศสุดขั้ว ทำให้ผลผลิตลดลง ทั้งภัยแล้งในบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟอราบิก้ารายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงพายุไต้ฝุ่นเมื่อปลายปีที่แล้ว และภัยแล้งเมื่อช่วงต้นปีในเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่ที่สุดของโลก

อุปสงค์กาแฟในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดยการบริโภคกาแฟเพิ่มขึ้นมากในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ตามจำนวนผู้มีรายได้ปานกลางที่เพิ่มขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ราคากาแฟที่ปรับตัวพุ่งสูงสุด ทำให้มูลค่าส่งออกกาแฟในปี 2025 ของประเทศไทยและเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย โดยประเทศไทย มูลค่าส่งออกเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 258% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนเวียดนาม มูลค่าส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 83% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกเมื่อปี 2024 อยู่ที่ 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณการผลิตเป็นอันดับ 35 ของโลก โดยมีสัดส่วนคือ เมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้า 64% และเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า 36%

ขณะที่เวียดนาม มูลค่าการส่งออกปี 2024 อยู่ที่ 4,242 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีปริมาณการผลิตเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยส่วนใหญ่เป็นเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า มากกว่า 90% ส่วนเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้า สัดส่วนน้อยกว่า 10%