
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังตลาดยังกังวลต่อภาพเศรษฐกิจของสหรัฐ
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังตลาดยังคงกังวลต่อภาพการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ ภายหลังดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ในเดือน ก.พ. 68 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.7% ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าปัญหาเกี่ยวกับเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงจับตาอย่างใกล้ชิด
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 28 มี.ค. 68 อยู่ที่ 69.36 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -0.56 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 73.63 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -0.40 เหรียญสหรัฐ
ตลาดจับตาท่าทีของการดำเนินนโยบายของสหรัฐอย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้ หลังตลาดคาดรัฐบาลสหรัฐเตรียมประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับประเทศในกลุ่ม “Dirty 15” อันประกอบด้วยเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก อันได้แก่ จีน อินเดีย และสหภาพยุโรป เป็นต้น
ตลาดจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางตอนใต้ของเบรุต ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงของเลบานอนอีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังในช่วงเดือนที่ผ่านมา สหรัฐและอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการทางทหารเพื่อโจมตีกลุ่มฮูตีและฮามาสครั้งใหม่ อย่างไรก็ดี ล่าสุดอิสราเอลและฮามาสได้แจ้งผ่านอียิปต์และกาตาร์ซึ่งถือเป็นตัวกลางในเจรจาไกล่เกลี่ยมาโดยตลอด ว่าอาจบรรลุข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่เป็นระยะเวลา 50 วัน
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดูไบ หลังตลาดคาดการนำเข้าน้ำมันเบนซินของอินโดนีเซียมีแนวโน้มปรับลดลง ภายหลังค่าเงินของอินโดนีเซียอ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินในช่วงปี 2540 อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากปริมาณสต๊อกน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐ สำหรับสิ้นสุด ณ วันที่ 21 มี.ค. ปรับลดลง 1.45 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 239.1 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดูไบ หลังปริมาณสต๊อกน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ สำหรับสิ้นสุด ณ วันที่ 27 มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 3.2% สู่ระดับ 10.22 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลของเกาหลีใต้ในเดือน ก.พ. 68 ที่ปรับเพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า