
นภินทร รมช.พาณิชย์ สั่งตั้งชุดเฉพาะกิจ 5 ชุด ปูพรมลงพื้นที่ตรวจสอบนอมินีและสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศ ตั้งเป้าตรวจธุรกิจร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อป้องปรามและปราบปรามธุรกิจต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายไทย
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) และประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SME ไทย และแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมร่วมกับคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่มีร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานคณะทำงาน พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เป็นคณะทำงานเข้าร่วมประชุม 19 หน่วยงาน ประกอบด้วย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมการปกครอง กรุงเทพมหานคร กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมการขนส่งทางบก กรมการจัดหางาน กรมการท่องเที่ยว กรมที่ดิน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยี และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ)
“วาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ คือ ขอให้คณะทำงานดำเนินการปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามแผนการแก้ไขปัญหาที่กำหนดไว้ร่วมกันทั้งด้านสินค้าไม่มีคุณภาพและปราบปรามนอมินี โดยเน้นการทำงานเชิงรุกบูรณาการการทำงานร่วมกันโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามแผนที่กำหนดไว้ ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพิชัย นริพทะพันธุ์)
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ประธานคณะทำงาน ตั้งคณะทำงานชุดเฉพาะกิจ 5 ชุด เน้นตรวจสอบธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง ธุรกิจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยขอให้คณะทำงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับธุรกิจเป้าหมายเป็นประธานคณะทำงานชุดเฉพาะกิจ
โดยมีคณะทำงานจากหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมเป็นคณะทำงาน ปูพรมลงพื้นที่ตรวจสอบย่านธุรกิจและย่านการค้าที่สำคัญ เช่น ห้วยขวาง ประตูน้ำ RCA และสำเพ็ง ร่วมกันกำหนดเป้าหมาย/แผนการตรวจสอบอย่างชัดเจน และเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบตามสถานที่เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว หากพบการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้แต่ละหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายภายใต้กรอบหน้าที่และอำนาจที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างเคร่งครัด เพื่อจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษทางกฎหมายให้เห็นเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจและประชาชนไทย รวมถึงป้องปรามและปราบปรามธุรกิจต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจอย่างผิดกฎหมายในไทย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของไทยได้รับผลกระทบในการเติบโต
อย่างไรก็ดี ชุดเฉพาะกิจทั้ง 5 ชุด จะลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง จนกว่าผู้ประกอบการต่างชาตินั้นจะประกอบธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายของไทย ซึ่งเป็นการทำงานเชิงรุกทั้งการป้องกันและปราบปราม โดยได้กำหนดกรอบการทำงานภายใน 1 เดือน และนำผลเสนอต่อที่ประชุมคณะทำงาน ไปยังคณะอนุกรรมการที่ตนเป็นประธาน และรายงานต่อคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพิชัย นริพทะพันธุ์) เป็นประธานต่อไป”
ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงาน เผยว่า “จะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทร ศรีสรรพางค์) เพื่อปกป้องผู้ประกอบการและผู้บริโภคชาวไทยจากผลกระทบด้านลบที่เกิดจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าและธุรกิจต่างประเทศจำนวนมากเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย และพบการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน การหลีกเลี่ยงภาษี การใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) เพื่อประกอบธุรกิจอย่างผิดกฎหมาย
ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผู้ประกอบการไทยอย่างมาก การปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายในประเทศไทยเป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผู้บริโภคและผู้ประกอบการไทยจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศ จากการกระทำผิดกฎหมายของธุรกิจต่างชาติ
กระทรวงพาณิชย์พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน โดยขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้ประกอบการในการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าและธุรกิจต่างประเทศ เพื่อให้การปราบปรามเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ” รองปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าว