
กรมการค้าต่างประเทศ เฝ้าระวังสินค้าที่มีความเสี่ยงแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทยในการส่งออกไปสหรัฐ ภายหลังสหรัฐประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าที่มาจากไทยเป็นอัตรา 36%
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากสหรัฐมีมาตรการขึ้นภาษีกับต่างประเทศ โดยได้มีการประกาศเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งไทยถูกกำหนดอัตราภาษีที่ร้อยละ 36 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้มีการติดตามเฝ้าระวังการหลบเลี่ยงการใช้มาตรการของสหรัฐ จากประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ศุลกากรสหรัฐ ว่าสินค้าที่ส่งออกมีถิ่นกำเนิดไทยจริง
โดย คต. ได้กำหนดรายการสินค้าเฝ้าระวังไปสหรัฐ จำนวน 49 รายการ เช่น แผงโซลาร์เซลล์ ล้อเหล็กสำหรับรถบรรทุก แผ่นหินเทียม และท่อเหล็ก เป็นต้น โดยกำหนดให้ผู้ส่งออกจะต้องยื่นขอตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าก่อนขอรับหนังสือรับรอง Form C/O ทั่วไป
มาตรการดังกล่าวจะเป็นการตรวจสอบคัดกรองสินค้า เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีของสหรัฐ จากประเทศอื่น ๆ โดยผู้ส่งออกที่ประสงค์จะขอหนังสือรับรอง Form C/O ทั่วไป สำหรับการส่งออกสินค้าไปสหรัฐ ต้องผ่านการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าจากกรมก่อน จึงจะสามารถขอรับหนังสือรับรอง Form C/O ทั่วไปเพื่อใช้ประกอบการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐได้
ทั้งนี้ จากการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานศุลกากรสหรัฐ พบว่า การเข้าตรวจสอบกระบวนการผลิตสินค้าของสหรัฐ ลดลงจากเดิม 10 รายการ เหลือ 6 รายการ และมีเพียง 2 รายการที่พบการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งกรมได้มีการเพิกถอนหนังสือรับรอง Form C/O ทั่วไป และได้มีการกำหนดมาตรการกับผู้ส่งออกรายดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งได้ติดตามเฝ้าระวังกระบวนการขอหนังสือรับรอง Form C/O ทั่วไป ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
นางอารดากล่าวอีกว่า กรมมีแผนจะเพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวัง โดยได้ดำเนินการติดตามข้อมูลสถิติทางการค้าสำหรับรายการสินค้าอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงสูงในการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทยจากมาตรการ AD และมาตรการ 301 อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ได้ดำเนินการติดตามรายการสินค้าจากมาตรการ 232 เพิ่มเติมด้วย เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงที่อาจมีสินค้าดังกล่าวมาแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย
โดยจะพิจารณาปรับเพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวังของกรมต่อไป อีกทั้งกรมได้มีการประสานงานและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานศุลกากรสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันป้องกันปัญหาการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น