
เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูและตัวแทนสมาคมผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ กว่า 1,000 คน รวมตัวกันเตรียมเดินทางไปยังกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในวันที่ 10 เมษายน 2568 นี้ เพื่อพิจารณาผลกระทบจากการนำเข้าเนื้อหมูและเครื่องในหมูจากสหรัฐอเมริกาอย่างรอบด้าน
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผย กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูจากทั่วประเทศเดินทางไปกระทรวงการคลัง เพื่อจะขอชี้แจงข้อเสนอของ เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรที่มีต่อท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้พิจารณาใช้นโยบายนำเข้า “พืชวัตถุดิบอาหารสัตว์” ที่ไทยขาดแคลนหรือผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ เช่น
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกากถั่วเหลืองแทนการนำเข้าเนื้อหมูและเครื่องใน ซึ่งจะช่วยเพิ่มดุลการค้าให้สหรัฐฯ ได้ถึงปีละ 84,000 ล้านบาท น่าจะเป็นข้อเสนอที่คุ้มค่าสำหรับการเจรจากับทางสหรัฐ สร้างประโยชน์ร่วมกันแก่สองประเทศ ที่สำคัญช่วยปกป้องอุตสาหกรรมและห่วงโซ่การผลิตสุกรไทยที่มีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท
ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตเนื้อหมูเพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศ การอนุญาตให้นำเข้าเนื้อหมูและเครื่องในจากสหรัฐฯ จะส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานล้นตลาด กระทบต่อห่วงโซ่การผลิตทั้งระบบ ซึ่งภาวะดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2564 จากการลักลอบนำเข้าสุกรอย่างหนัก จนทำให้เกษตรกรหลายครัวเรือนจำต้องสูญเสียอาชีพไป
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารที่น่ากังวล เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีกฎหมายห้ามการใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสุกร ขณะที่ประเทศไทยมีข้อห้ามชัดเจนเกี่ยวกับการใช้สารดังกล่าว การนำเข้าอาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารของไทยไปยังตลาดสหภาพยุโรปที่มีมาตรการเข้มงวดเกี่ยวกับการปนเปื้อนของสารเร่งเนื้อแดง จึงเป็นอีกประเด็นสำคัญสำหรับประกอบการตัดสินใจของทีมเจรจาฯที่จะไปเสนอทางเลือกต่อสหรัฐฯ
“เราขอความเห็นใจจากรัฐบาลให้ช่วยปกป้องอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรไทย และเรียกร้องให้คณะเจรจาฯ พิจารณาไตร่ตรองผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างรอบคอบ ประเทศไทยไม่ควรเอาอุตสาหกรรมสุกรมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทและเกี่ยวข้องกับเกษตรกรกว่า 2 แสนครอบครัวไปแลก” นายสิทธิพันธ์กล่าว
ทั้งนี้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรและเกษตรกรทั่วประเทศ ได้ส่งกำลังใจให้รองนายกรัฐมนตรีและคณะเจรจาในการเดินทางไปเจรจากับสหรัฐฯ โดยหวังว่าจะสามารถรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย และบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน คณะผู้แทนเกษตรกรจะเดินทางไปเข้าพบนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแสดงความขอบคุณที่ท่านและกระทรวงเกษตรฯ แสดงจุดยืนชัดเจนในการยืนอยู่เคียงข้างและปกป้องผลประโยชน์ของภาคเกษตรของประเทศ ซึ่งจุดยืนนี้ช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เกษตรกรในการผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อผู้บริโภคชาวไทยอย่างยั่งยืนได้ต่อไป