ดร.ปิติ จี้ นายกฯ วางเกมใหม่-รับบทผู้นำ ให้ทันโลกใหม่จากสงครามภาษี

ปิติ ศรีแสงนาม
ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน เขียนจดหมายผนึกถึงนายกฯ และทีมงาน 10 ประเด็นที่รัฐต้องปรับตัวเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลก หลังทั่วโลกกระทบขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐและจีน

รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ ส่งสารถึงนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร และทีมงาน ถึงประเด็นการปรับตัวของรัฐบาลไทย เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกหลังความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลกระทบไปทั่วโลก

ดร.ปิติแสดงทรรศนะทั้งหมด 10 ประเด็น ใจความว่า

  1. เปิดทัศนคติใหม่ ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปสู่การขัดแข้งทางภูมิศาสตร์ และกำลังแตกออกเป็น 3 ห่วงโซ่ที่จะเป็นสิ่งแวดล้อมใหม่ ที่จะอยู่กับเราในระยะยาว
  2. ต้องเร่งบูรณการองค์ความรู้ทุกศาสตร์เพื่อรับมือ และเห็นผลประโยชน์ของชาติเป็นเป้าหมาย ไม่สับสนกับประโยชน์ส่วนตัว
  3. วางยุทธศาสตร์อย่างน้อยสามด้าน ทั้งต่อสหรัฐ, ต่อจีน และต้องเล่นบทบาทผู้นำในอาเซียน
  4. ต้องยืนยันกับสหรัฐให้ได้ว่าไทยไม่ได้อยู่ใต้อิทธิของมหาอำนาจใด และสำรวจส่องทางเข้าถึงทรัมป์ โดยเน้นว่าอำนาจต่อรองของไทยไม่ได้อยู่ในแค่มิติเศรษฐกิจ แต่รวมถึงความมั่นคง การทหาร และการเมืองระหว่างประเทศ
  5. ด้วยความเป็นพันธมิตรกับจีนมาอย่างยาวนาน ต้องขอให้จีนควบคุมสินค้าไม่ให้ทำลายตลาดไทย พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนจีนในเวทีนานาชาติในมิติที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน และขอให้จีนสนับสนุนไทยเข้าเป็นสมาชิกเต็มของ BRICS เพื่อโอกาสทางเศรษฐกิจ
  6. ประสานผลประโยชน์อาเซียน ตั้งแต่อุปสงค์สินค้าและบริการของสหรัฐ เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง และใช้อาเซียนเป็นช่องทางเจรจากับสหรัฐ
  7. มองหาโอกาสในตลาดใหม่ โดยเฉพาะขั้วที่ 3 ของภูมิศาสตร์โลก นั่นคือ โลกมุสลิม ที่ประกอบไปด้วยมลายู, เอเชียใต้, แอฟริกา และตะวันออกกลาง พร้อมกับศึกษาภาษี Reciprocal Tariffs เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันผ่านการเปรียบเทียบอัตราที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ
  8. ไทยต้องกระตุ้นการบริโภคในประเทศในระยะยาว เพื่อเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
  9. รัฐบาลต้องทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และให้อิสระในการดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายอัตราการแลกเปลี่ยน ด้วยการคำนึงถึงความเสี่ยงและการปรับสัดส่วนการถือทรัพย์สินต่าง ๆ ในทุนสำรองระหว่างประเทศ
  10. ใช้มิติสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรมในการเสริมสร้าง Soft Power เพื่อรับมือกับมาตรการสงครามภูมิศาสตร์ที่มากกว่าสงครามภาษี

ข้อความทั้งหมดระบุผ่านเฟซบุ๊ก Piti Srisangnam ว่า

“เรียนท่านนายกรัฐมนตรี

เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนเป็นประเด็นสำคัญที่จะมีผลกระทบไปทั่วทั้งโลก ตัวผมเองในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ ศึกษาวิจัย สอนหนังสือ และเขียนหนังสือที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยในประชาคมอาเซียน ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และมีความเชื่อว่าการกำหนดนโยบายของประเทศควรต้องบูรณการความรู้และประสบการณ์จากทุกภาคส่วน

ADVERTISMENT

ผมจึงเขียนจดหมายเปิดผนึกนี้ถึงท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความคิดเห็นใน 10 ข้อเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกใหม่สำหรับรัฐบาลไทย

1.ต้องเปิดทัศนคติใหม่ (New Mindset) แล้วว่าระเบียบโลกได้เปลี่ยนแปลงไปสู่การขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และใช้เครื่องมือทางภูมิเศรษฐศาสตร์ในการห้ำหั่นกัน โลกกำลังแตกออกเป็น 3 ห่วงโซ่มูลค่า (GVCs) นั่นคือ 1) US-led GVCs, 2) China-led GVCs และ 3) ห่วงโซ่มูลค่าของประเทศอื่น ๆ ซึ่งสิ่งแวดล้อมใหม่นี้จะอยู่กับเราในระยะยาว

2.ต้องบูรณาการองค์ความรู้ในทุกศาสตร์แบบสหสาขาวิชาเพื่อรับมือกับสิ่งแวดล้อมใหม่นี้ โดยมีผลประโยชน์ของชาติเป็นเป้าหมาย และอย่าสับสนระหว่างผลประโยชน์ชาติกับผลประโยชน์ส่วนตัวและ/หรือครอบครัว

3.ไทยต้องวางยุทธศาสตร์อย่างน้อย 3 ด้าน 1) ยุทธศาสตร์ต่อสหรัฐ 2) ยุทธศาสตร์ต่อจีน และ 3) ต้องเล่นบทบาทนำในประชาคมอาเซียน

4.ต่อสหรัฐ เราต้องยืนยันว่าไทยไม่ได้อยู่ใต้อิทธิพลของมหาอำนาจใด เร่งสำรวจช่องทางในการเข้าถึง Trump และ/หรือทีมงานใกล้ชิด และสำคัญที่สุดคือ อำนาจต่อรองของไทยต่อสหรัฐไม่ได้อยู่ในมิติเศรษฐกิจ หากแต่อยู่ในมิติความมั่นคง, การทหาร และการเมืองระหว่างประเทศ ดังนั้น เราต้องสามารถออกอาวุธได้ในทุกมิติ มิใช่เพียงแต่การค้า การเงิน การลงทุน

5.ต่อจีน เราต้องขยายตลาดสินค้าไทยเข้าจีน เพื่อทดแทนสินค้าที่จีนเคยนำเข้าจากสหรัฐ และด้วยความเป็นพันธมิตรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานร่วมกัน เราต้องขอให้จีนควบคุมมิให้สินค้าจีนเข้ามาบุกและทำลายตลาดของผู้ประกอบการไทยในประเทศไทย พร้อม ๆ กับต้องแสดงจุดยืนสนับสนุนจีนในเวทีนานาชาติในมิติที่เป็นผลประโยชน์ที่ไทยและจีนมีร่วมกัน และขอให้จีนสนับสนุนให้ไทยได้เข้าเป็นสมาชิกเต็มของ BRICS เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ

6.ต่ออาเซียน ต้องประสานผลประโยชน์ และดำเนินยุทธศาสตร์ ราชสีห์กับหนู รวมอุปสงค์ของอาเซียนต่อสินค้าและบริการของสหรัฐเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง และใช้อาเซียนเป็นอีก 1 ช่องทางในการเจรจากับสหรัฐควบคู่กับที่เราต้องดำเนินการแบบทวิภาคีด้วย และต้องให้ทั้ง 2 แทรกส่งเสริมซึ่งกันและกัน

7.ไทยต้องมองหาโอกาสทางเศรษฐกิจในตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะขั้วที่ 3 ของเกมภูมิรัฐศาสตร์โลก นั่นคือโลกมุสลิม (โลกมลายู+เอเชียใต้+แอฟริกา+ตะวันออกกลาง) พร้อม ๆ กับต้องศึกษาลงลึกว่าภาษี Reciprocal Tariffs ที่มีอัตราแตกต่างกัน เราจะมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มในเชิงเปรียบเทียบกับประเทศใด และเราจะเสียเปรียบประเทศใด

8.ในระยะยาว ไทยต้องกระตุ้นให้การบริโภคภายในประเทศ กลายเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปัจจัยผลักดันให้การบริโภคภายในประเทศอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การใช้นโยบายประชานิยม หากแต่ต้องเป็นการใช้นโยบายส่งเสริมการกระจายรายได้อย่างอย่างเป็นธรรม ส่งเสริมความเท่าเทียมในการจัดสรรทรัพยากรและโอกาส และการมีธรรมภิบาล

9.ในมิติการเงิน การคลัง และอัตราแลกเปลี่ยน รัฐบาลคงต้องทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ในการให้อิสระธนาคารแห่งประเทศไทยในการดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและปรับสัดส่วนกระจายการถือครองทรัพย์สินต่าง ๆ ในทุนสำรองระหว่างประเทศ

10.ใช้มิติสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรมในการเสริมสร้าง Soft Power เพื่อรับมือกับมาตรการสงครามภูมิรัฐศาสตร์ที่มากไปกว่าแค่สงครามภาษี การระงับวีซ่า การระงับทุนให้ความช่วยเหลือในหลากมิติ การหยุดการสนับสนุนทุนการศึกษา และงานวิจัย ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติ การแพร่ระบาดของโรค จุดยืนในประชาคมนานาชาติ เหล่านี้ไทยต้องทำงานหนัก และสนับสนุนงบประมาณเพื่อสร้างเพื่อนประเทศไทย (Friends of Thailand) ให้สนับสนุนไทย ช่วยไทย ในการเรียกร้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติในเวทีโลก

ทั้งหมดนี้คือข้อเสนอแนะ 10 ข้อของผม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ผมมีข้อเขียนที่อธิบายความอย่างละเอียดในแต่ละข้อ เพื่อให้ท่านนายกฯ ส่งให้กับทีมงานที่เกี่ยวข้องได้ไปศึกษาและดำเนินการต่อ โดยสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ (https://thestandard.co/new-world-order-thailand-strategy/ )

หวังว่าข้อเสนอของผมจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและรัฐบาล เพราะนี่คือสถานการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ถ้าประเทศไทยตั้งรับ ปรับตัว และทำนโยบายเชิงรุกได้อย่างดี ประเทศไทยจะทะยานขึ้น แต่ถ้าเรายังงง ๆ กันแบบนี้ต่อไป เราเองจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในประชาคมโลก

21 เมษายน 2025

รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม

คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ป.ล. เนื่องจากผมเป็นเพียงนักวิชาการคนหนึ่ง จึงไม่ได้มีช่องทางในการที่จะสื่อสารโดยตรงกับท่านนายกฯ​ ดังนั้น จึงอยากจะขอให้ทุก ๆ ท่านที่เห็นด้วยกับข้อเขียนช่วยกันแชร์ด้วยครับ เพื่อให้นายกฯ และ/หรือ สทร. ​ได้มีโอกาสเห็นข้อความเหล่านี้”