ส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ 7 หมื่นล้านวิกฤต จีนสวมสิทธิตั้ง รง. ‘ทรัมป์’ เก็บภาษี 799%

solorcell

จีนสวมสิทธิแหล่งกำเนิดสินค้าพ่นพิษ สหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้โซลาร์เซลล์ที่อ้างแหล่งกำเนิดจากประเทศไทย 799% ปิดประตูส่งออกไปสหรัฐ ตลาดสำคัญอันดับหนึ่ง พร้อมเปิดชื่อ 3 บริษัทถูกสหรัฐกล่าวหา ขณะที่สมาคมอุตฯเซลล์แสงอาทิตย์ยืนยัน บริษัทส่งออกโซลาร์เซลล์ส่วนใหญ่เป็นโรงงานประกอบชิ้นส่วนจีนทั้งสิ้น ด้านรัฐบาลถกปมสินค้าต้นทุนต่ำด้อยคุณภาพสวมสิทธิส่งออก สั่งเข้มงวดออก FORM C/O สกัดสินค้า 49 รายการ หวังใช้เจรจาแก้ถูกเก็บภาษีตอบโต้

ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศผลการพิจารณาขั้นสุดท้าย (Final Subsidy Rate) ที่จะเรียกเก็บภาษีตอบโต้การอุดหนุน (AD-CVD) สินค้าแผงโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์ (Crystalline Photovoltaic Cells) ปรากฏแผงโซลาร์เซลล์ที่ส่งออกจากประเทศไทย 3 บริษัทถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ในอัตราสูงถึง 799.55% ส่วนบริษัทอื่นถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 263.74% ซึ่งเป็นอัตราภาษีที่สูงมาก รองจากกัมพูชา ที่ถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ 3,403.96% จะมีผลหลังวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ส่งผลให้การส่งออกแผงโซลาร์เซลล์จากไทยเข้าไปจำหน่ายในสหรัฐหลังวันที่ 9 มิถุนายนจะหยุดชะงักลงทันที และเป็นที่แน่นอนว่าไทยจะสูญเสียตลาดส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ในสหรัฐ ที่มีสัดส่วนการส่งออกระหว่าง 67-98%

3 บริษัทถูกเก็บภาษี 799%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ออกประกาศผลการสอบสวนขั้นสุดท้าย เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา จากข้อร้องเรียนของ American Alliance for Solar Manufacturing Trade Committee ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัท First Solar Inc (Tempe AZ), บริษัท Hanwha Q CELLS USA Inc (Dalton GA) และบริษัท Mission Solar Energy LLC (San Antonio TX) ในข้อกล่าวหาที่ว่า ประเทศกัมพูชา-มาเลเซีย-เวียดนาม และประเทศไทย ทุ่มตลาดแผงโซลาร์ราคาถูกเข้าไปจำหน่ายในตลาดสหรัฐ สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมผลิตแผงโซลาร์เซลล์สหรัฐ โดยแผงโซลาร์เหล่านี้ บริษัทผู้ส่งออกทั้ง 23 บริษัทจากทั้ง 4 ประเทศต่างได้รับการอุดหนุนจากจีนและนับเป็นครั้งแรกที่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ใช้กรณีการอุดหนุนข้ามชาติจากประเทศที่สาม มาใช้สอบสวนการอุดหนุน (CVD) ด้วย

สำหรับบริษัทที่ระบุแห่งกำเนิดสินค้าจากประเทศไทยทั้ง 3 บริษัทที่ถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้สูงถึง 799.55% จะได้แก่ บริษัท Sunshine Electrical Energy, บริษัท Taihua New Energy (Thailand) Co.Ltd. และบริษัท Trina Solar Science & Technology (Thailand) Ltd. ส่วนบริษัทอื่น ๆ จะถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ 263.74% ซึ่งเป็นอัตราภาษีที่สูง รองลงมาจากกัมพูชา ที่ถูกเรียกเก็บภาษีระหว่าง 534.67-3,403.96%, เวียดนาม 124.57-542.64% และมาเลเซีย 32.49-168.80% โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า บริษัทผู้ผลิตส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจีน หรือร่วมทุนกับจีน

สหรัฐตลาดหลักโซลาร์เซลล์ไทย

ส่วนตลาดส่งออกแผงโซลาร์เซลล์จากไทยในปี 2567 พิกัด HS 8541.42 โซลาร์เซลล์ที่ยังไม่ได้ประกอบเป็นแผง ไทยส่งออกไปยังสหรัฐเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 67.66% คิดเป็นมูลค่า 506.29 ล้านเหรียญ รองลงมาได้แก่ ตลาดอินเดีย สัดส่วน 18.76% คิดเป็นมูลค่า 140.38 ล้านเหรียญ และเวียดนาม สัดส่วน 9.80% คิดเป็นมูลค่า 73.33 ล้านเหรียญ ส่วนการส่งออกในพิกัด HS 8541.43 โซลาร์เซลล์ที่ประกอบเป็นแผงแล้ว ไทยส่งออกไปยังตลาดสหรัฐเป็นอันดับ 1 เช่นกัน ในสัดส่วน 98.03% คิดเป็นมูลค่า 1,891.73 ล้านเหรียญ รองลงมาได้แก่ ตลาดไต้หวัน สัดส่วน 0.97% มูลค่า 18.75 ล้านเหรียญ และ เปอร์โตริโก สัดส่วน 0.41% มูลค่า 7.96 ล้านเหรียญ

ขณะที่แหล่งนำเข้าโซลาร์เซลล์ที่ยังไม่ได้ประกอบเป็นแผง (HTSUS 8541.42.0010) ในปี 2567 ของสหรัฐ อันดับ 1 ได้แก่ เกาหลีใต้ สัดส่วน 32.67% มูลค่า 582.53 ล้านเหรียญ, มาเลเซีย สัดส่วน 32.19% มูลค่า 573.87 ล้านเหรียญ และไทย สัดส่วน 18.78% มูลค่า 334.80 ล้านเหรียญ ส่วนโซลาร์เซลล์ที่ประกอบเป็นแผงแล้ว (HTSUS 8541.43.0010) ของสหรัฐ ในปี 2567 อันดับ 1 ได้แก่ เวียดนาม สัดส่วน 38.88% มูลค่า 4,467.66 ล้านเหรียญ รองลงมาได้แก่ ไทย สัดส่วน 24.05% มูลค่า 2,765.21 ล้านเหรียญ และกัมพูชา สัดส่วน 11.10% มูลค่า 1,276.15 ล้านเหรียญ

ADVERTISMENT

“จากตัวเลขการส่งออกโซลาร์เซลล์ทั้งแบบประกอบและยังไม่ประกอบเป็นแผงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดสหรัฐที่ไทยส่งออกไปในปี 2567 คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 2,398.02 ล้านเหรียญ จัดเป็นประเทศในลำดับต้น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ส่งออกโซลาร์เซลล์เข้าไปจำหน่ายในสหรัฐ ดังนั้นการถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้จากเหตุผลที่ว่า ถูกสวมแหล่งกำเนิดและได้รับเงินอุดหนุนจากจีน มีผลทำให้ไทยสูญเสียตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดไปทันที ขณะที่รัฐบาลไทยเองก็ทราบดีว่า โซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์ในพิกัด HS 8501-8507-8541 ใน 3 พิกัดนี้ได้ถูกจัดลำดับเป็น 1 ในสินค้า 49 รายการไว้ในบัญชีเฝ้าระวังการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าในการส่งออกไปยังสหรัฐ มาตั้งแต่ปี 2566 แล้ว แต่ก็ยังมีบริษัทจีนสวมสิทธิแหล่งกำเนิดสินค้าส่งเข้าไปจำหน่ายในตลาดสหรัฐอยู่ดี” แหล่งข่าวกล่าว

จีนสวมสิทธิตั้ง รง.โซลาร์เซลล์

ด้าน นายซัพมนต์ จันทรพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์ เอเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะกรรมการ สมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย กล่าวว่า ธุรกิจโซลาร์เซลล์ในไทย เราแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ผู้ใช้แผงในประเทศ และผู้ผลิตแผง ซึ่งผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ส่วนใหญ่เป็น “บริษัทจีน” ที่มาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม (โซนภาคตะวันออก) โดยหลักโรงงานจีนเหล่านี้ไม่ได้เป็น Purely Production แต่จะเป็นในลักษณะส่งเอาชิ้นส่วนเซลล์แสงอาทิตย์ หรือแผ่น Wafer ต่าง ๆ นำมาประกอบต่อตามกระบวนการผลิตในไทย เพื่อ “สวมสิทธิ” แหล่งกำเนิดสินค้าไทยให้สามารถส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ-ยุโรป โดยการเลี่ยงหรือส่งออกตรงจากจีน ซึ่งเท่าที่ทราบโรงงานส่วนใหญ่ไม่ได้ผลิตเพื่อขายแผงโซลาร์ในไทย แต่ผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก

“บริษัทจีนก็มีเจตนาหลบเลี่ยงหนีกำแพงภาษีอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะตั้งแต่รัฐบาลของโจ ไบเดน และทรัมป์ 0.1 สหรัฐก็มีการกีดกันโซลาร์จากจีนด้วยการตั้งกำแพงภาษีอยู่แล้ว เมื่อมีการบังคับใช้กำแพงภาษีที่ทรัมป์กำหนดไว้สูงขนาดนี้ เชื่อว่าโรงงานเหล่านี้จะได้รับผลกระทบทันที ส่วนผู้ใช้งานโซลาร์โดยตรงหรือในแง่ของการใช้งานในประเทศ (Local Conjunction ) เช่น ติดบนหลังคาบ้าน หลังคาห้างสรรพสินค้า เพื่อการประหยัดไฟฟ้านั้น ผู้ติดตั้งส่วนใหญ่ก็สั่งแผงโซลาร์จากจีนอยู่ดี ซึ่งฝั่งนี้จึงได้รับผลกระทบน้อยหรืออาจจะได้รับผลดีมากกว่า เนื่องจากกำลังการผลิตของโรงงานจีนในไทยและโรงงานจีนในจีนกำลังมีปัญหากับกำแพงภาษีทรัมป์ จึงทำให้ราคาแผงโซลาร์เสถียรมากขึ้น รวมไปถึงในส่วนของชิ้นส่วนโซลาร์ อุปกรณ์อื่น เช่น ตัวยึดจับหลังคา อุปกรณ์พวกนี้จะผลิตจากจีนเป็นส่วนใหญ่ เมื่อรายใหญ่ส่วนใหญ่เป็นจีน แน่นอนว่าในแถบเอเชียที่มีข้อตกลงการค้าเสรี FTA กับจีนก็สะดวกมากขึ้น ทำให้ประเทศแถบอาเซียนจะซื้อจากจีนเป็นหลัก และเชื่อว่า Solar Inverter ที่เป็นแบรนด์ต้น ๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมก็มาจากจีนแทบทั้งหมด เช่น huawei, sunglow” นายซัพมนต์กล่าว

อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ทั้งโลกที่มาจากจีน จะถูกซื้อโดยสหรัฐ ซึ่งในช่วงไตรมาส 1-2 ของปี ราคาของแผงโซลาร์เซลล์จะขยับขึ้นลงตามดีมานด์ของสหรัฐ เมื่อหมดช่วงหิมะ โครงการแสงอาทิตย์ก็จะเริ่มสร้างในช่วงเวลานี้ ทำให้ดีมานด์อยู่ในโซนตะวันตก จีนก็จะขยับราคาขึ้น แต่ปลายปีราคาจะลง ไทยก็จะได้รับผลดีตั้งแต่ไตรมาส 4 เพราะคำสั่งซื้อจากยุโรป สหรัฐจะหยุดก่อสร้าง เราจะได้ราคาแผงโซลาร์เซลล์ที่ต่ำลงมาด้วย

นายนที สิทธิประศาสน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้โซลาร์เซลล์จะส่งผลกระทบต่อโรงงานผู้ผลิตส่งออกในไทยแน่ เนื่องจากการส่งออกต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐเป็นตลาดหลัก แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันดีว่าโรงงานเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นโรงงานจีนที่เข้ามาใช้สิทธิแหล่งกำเนิดสินค้าไทยเพื่อหลบเลี่ยงกำแพงภาษีสหรัฐ ดังนั้นทางออกทางเดียวก็คือ เมื่อส่งเข้าไปสหรัฐไม่ได้ก็ต้องหาตลาดใหม่มาทดแทน ส่วนไทยเองก็จะต้องเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าในการแอบอ้างสิทธิถิ่นกำเนิด ซึ่งกำลังจะเป็นประเด็นใหญ่ในการแก้ปัญหาที่ไทยถูกสหรัฐเก็บภาษีตอบโต้จะมีผลในอีก 90 วันข้างหน้าด้วย

รัฐบาลถกปมสวมสิทธิ

ด้าน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกันแถลงผลการประชุมหารือการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยที่ประชุมได้หารือกันถึง 1) กรณีสินค้าที่ทะลักเข้าประเทศไทยอย่างมากในระดับที่เรียกว่า “เป็นชิ้นและเข้ามาพร้อมขาย” ทั้งมีคุณภาพและด้อยคุณภาพ โดยเรื่องนี้จะต้องดำเนินการอย่างไร 2) การพูดคุยกันร้านค้าโดยเฉพาะภาคบริการ ที่เข้ามาในรูปแบบของ “นอมินี” จะมีวิธีการดำเนินการอย่างไร ซึ่งมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

โดยสินค้าที่ทะลักเข้ามาในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว มีบางส่วนอยู่ในประเทศไทยเพื่อจำหน่ายต่อ บางส่วนนำเข้ามาแปรรูปและส่งไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สหรัฐจับตาอยู่ว่า สินค้าเหล่านี้เป็นของไทยจริงหรือไม่ โดยจะตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น “เราต้องมีมาตรการดูสินค้าจากต้นทางได้รับการอุดหนุนช่วยเหลือจากต้นทาง ทำให้ราคาถูกและไม่ได้คุณภาพ เมื่อก่อนใช้เวลาตรวจนาน แต่ในระยะสั้นจะมีช่องทางรับเรื่องและเข้าตรวจสอบทันที โดยร่วมกับองค์การอาหารและยา (อย.) ถ้าอธิบายไม่ได้ว่า ทำไมต้นทุนถึงราคาถูก ถ้าไม่ได้คุณภาพ จะยกยกเลิกทันที โดยไม่ต้องรอผู้ที่มาร้องเรียน ส่วนสินค้าทางออนไลน์ที่นำเข้ามาเก็บพักไว้และส่งต่อจำหน่ายอยู่ในแพลตฟอร์ม เช่น Temu หรือแพลตฟอร์มอื่น จะเข้าไปตรวจสอบว่าถูกต้องตามข้อบังคับหรือไม่ บางอันไม่มีฉลากหรือไม่มีใบรับรองมาตรฐาน เรามีสิทธิแจ้งเจ้าของแพลตฟอร์มให้ดึงออกจากระบบการขายทันที ไม่ให้โชว์หรือจำหน่าย ดังนั้นไม่ว่าเจ้าของแพลตฟอร์มถ้าอยากจะขายสินค้าในไทย ต้องจดทะเบียนในประเทศไทย และเป็นคนกลางที่เชื่อมระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อในไทย เพื่อทำให้ทุกอย่างเข้าที่ทั้งหมดนี้ เป็นมาตรการที่เร่งทำในระยะอันสั้น” นายพิชัยกล่าว

ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องสินค้าสวมสิทธิแหล่งกำเนิดที่ผ่านไทยออกไป และบางส่วนนำมาแปรรูปตบแต่งก่อนส่งออกซึ่งอาจไม่ได้คุณภาพ จะต้องมาดูวิธีการเฝ้าระวังว่าประเทศที่นำส่งไปปลายทางมีปัญหาอย่างไร และมาตรการนี้ได้รับการตอบรับที่พึงพอใจ เช่น สหรัฐจับตาดูสินค้านี้อยู่ว่า เป็นสินค้าสวมสิทธิหรือไม่ ซึ่งไทยมี Watch List ประมาณ 49 ชนิด และส่งมาเพิ่ม 16 ชนิด ที่ขอให้เราช่วยดู โดยสอบถามสหรัฐว่า มาตรฐานสินค้าที่ไม่ถือว่าสวมสิทธิคืออะไร ถ้าเรารู้จากเขาว่าสินค้าแบบไหนที่ไม่ถือว่าเป็นการสวมสิทธิ เราก็จะมาตรวจว่าเป็นไปตามหลักสากลหรือไม่ โดยเราจะตรวจคัดทั้งโรงงาน กระบวนการผลิต รวมถึงการใช้วัตถุดิบ Local Content ว่าเป็นอย่างไร และที่สำคัญคือ ต้องมีใบรับรอง Certificate of Origin : C/O ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าฯ ที่จะสามารถออกใบรับรองทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ กล่าวว่า สินค้าที่ด้อยคุณภาพได้ดำเนินคดีไปกว่า 29,000 คดี และจะทำให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ส่วนปัญหาเรื่องนอมินีจับกุมแล้ว 852 บริษัท ทุนจดทะเบียน 15,188 ล้านบาท ยืนยันเราให้ความสำคัญและดำเนินการต่อ ปัจจุบันมีบริษัทกว่า 49,000 บริษัท ที่มีต่างชาติถือหุ้น เราจะเข้าไปตรวจสอบในเรื่องพวกนี้ว่ามีนอมินีจริงหรือไม่ และจะแก้ไขต่อไป

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ กรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ออกใบรับรองหนังสือรับรองถิ่นกําเนิดสินค้า (Certificate of Origin : C/O) หรือฟอร์ม (FORM) ซึ่งเป็นเอกสารที่กรมออกให้ผู้ส่งออกเพื่อแสดงว่า สินค้ามีถิ่นกําเนิดในประเทศไทย และผลิตได้ถูกต้องตามกฎว่าด้วยถิ่นกําเนิดสินค้า ทั้งนี้ ขบวนการออกใบรับรอง จะมีการตรวจสอบตั้งแต่โรงงาน ต้นทุน อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งจะมีการหารือกับศุลกากรสหรัฐ ที่อยู่ประจำประเทศไทย เบื้องต้นก็ได้มีการหารือมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี แต่ก็ยังมีหลายประเด็นที่ยังให้ความกังวล แต่ก็พร้อมที่จะติดตามดูแลในรายการสินค้าที่มีการส่งออกจากประเทศไทยเป็นพิเศษมากขึ้น

ขณะที่ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รัฐบาลต้องเข้ามามีส่วนในการแก้ไขปัญหาไม่ให้ไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าที่สวมสิทธิในการส่งออก เพราะตรงนี้นี่เองที่ทำให้สหรัฐใช้มาตรการสกัดสินค้าที่ผลิตโดย “กลุ่มบริษัทจีน แต่เข้ามาตั้งบริษัทในไทย” ซึ่งไทยจะต้องเพิ่มการใช้ Local Content ในสินค้าไทยมากขึ้น